ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ดูด่วนที่นี่

12 ม.ค. 2565 | 16:15 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ม.ค. 2565 | 23:24 น.
35.4 k

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เงื่อนไขและหลักเกณฑ์เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ตรวจสอบเบื้องต้นได้ที่นี่

หลังจากกระทรวงการคลัง มีแผนให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน จำนวน 13.5 ล้านราย ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 วัตถุประสงค์ ลงทะเบียนรอบใหม่ กระทรวงการคลัง ต้องการให้ครอบคลุมและเข้าถึงคนจนได้มากขึ้น โดยกระทรวงการคลัง ประมาณว่าลงทะเบียนรอบใหม่ครั้งนี้ครอบคลุมถึง 15 ล้านราย

 

 

ล่าสุด นายสันติ พร้อมพัฒน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืนหน้าลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ว่า  ขณะนี้กระทรวงการคลังจัดทำหลักเกณฑ์การเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ไปยังฝ่ายคณะทำงานคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

 

เนื่องจากการเปิดลงทะเบียนในรอบนี้จะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น ทั้งการใช้บัตรประชาชนแทนบัตรสวัสดิการฯ การนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน และระบบการลิงก์ข้อมูลกับธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานประกันสังคม กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะต้องมีการเชื่อมโยงกันแบบเรียลไทม์

 

 

 

สันติ พร้อมพัฒน์

 

อย่างไรก็ตาม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนเดือนมกราคม 2565 กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้โอนเงินงวดแรกให้กับผู้ถือบัตรจำนวน 13.5 ล้านราย ดังนี้

 

วันที่ 1 ม.ค. (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)

  • วงเงินซื้อสินค้า กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับ 300 บาท/เดือน
  • กลุ่มที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท ได้รับ 200 บาท/เดือน
  • ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อ 3 เดือน
  • ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย
  • ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
  • ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน

ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ขสมก./ MRT/ BTS และ ARL 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)

 

 

วันที่ 18 ม.ค. (สามารถกดเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

  • เงินคืนค่าไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

(สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)

  • เงินคืนค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

(สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)

 

ที่มา: กรมบัญชีกลาง