49 ปี กทพ. เปิดให้บริการทางด่วน 8 สายทาง 224.6 กิโล

26 พ.ย. 2564 | 16:36 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ย. 2564 | 23:53 น.

ครบรอบ  49 ปี กทพ. เปิดให้บริการทางด่วน 8 สายทาง 224.6 กิโล เดินหน้า ลุยก่อสร้างทางด่วนเพิ่มอีก3เส้นทาง ด่วนพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนตะวันตก-ด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 ตอน N2 -ระยะที่ 2 ส่วนทดแทนตอน N1 ขณะภาคใต้ด่วนกระทู้-ป่าตอง

 

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาระบบทางพิเศษ(ทางด่วน) เชื่อมการเดินทางสำหรับประชาชนผู้ใช้ทางได้อย่างสะดวกรวดเร็วลดความแออัดคับคั่งจราจรบนท้องถนนในเขตเมืองที่กำลังวิกฤติ ส่งผลให้มีปริมาณผู้ใช้ทางด่วนเพิ่มมากขึ้น  

วันที่27 พฤศจิกายน 2564 ครบรอบวันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) 49 ปี  โดยเมื่อวันที่26 พฤศจิกายน 2564 นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ประธานกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม เป็นประธาน

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กทพ. ได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการจราจร ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตามแผนงานและภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเครือข่ายระบบทางพิเศษให้เชื่อมโยงกันอย่างบูรณาการ ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน

 49 ปี กทพ. เปิดให้บริการทางด่วน 8 สายทาง 224.6 กิโล

 

 

 

โดยปัจจุบัน กทพ. ได้เปิดให้บริการทางพิเศษรวม 8 สายทาง รวมระยะทาง 224.6 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษบูรพาวิถี ทางพิเศษอุดรรัถยา ทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร นอกจากทางพิเศษทั้ง 8 สายทาง

ที่เปิดให้บริการแก่ผู้ใช้ทางพิเศษมาอย่างต่อเนื่อง กทพ. ยังคงก้าวต่อไปด้วยความมุ่งมั่น เพื่อพัฒนาโครงข่ายระบบทางพิเศษ เชื่อมโยงระบบคมนาคม และอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน โดยคำนึงถึง ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 

 

 49 ปี กทพ. เปิดให้บริการทางด่วน 8 สายทาง 224.6 กิโล

ขณะนี้มีโครงการทางพิเศษที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเร่งด่วน 3 โครงการ ประกอบด้วย 

  • ​โครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างกรุงเทพมหานครกับพื้นที่ปริมณฑลทางด้านตะวันตก รวมถึงการเดินทางจากจังหวัด ภาคใต้ และช่วยลดปัญหาการจราจร ช่วงบางโคล่–สะพานพระราม 9 – ดาวคะนอง และถนนพระรามที่ 2 โดยการก่อสร้างได้ดำเนินการไปแล้ว ในสัญญาที่ 2 และสัญญาที่ 4 โดยล่าสุด ได้เดินหน้าก่อสร้างเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ปลายปี 2567​
  •  โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 ตอน N2 ถนนประเสริฐมนูกิจ - ถนนวงแหวนรอบนอกฯ ด้านตะวันออก และ ระยะที่ 2 ส่วนทดแทนตอน N1  บางซื่อ - ถนนประเสริฐมนูกิจ เพื่อแบ่งเบาปัญหาจราจรติดขัดบนถนนประเสริฐมนูกิจและถนนประดิษฐ์มนูธรรม บริเวณทางแยกต่างระดับฉลองรัช และเชื่อมโยงโครงข่ายทางพิเศษให้เป็นโครงข่ายในแนวตะวันออก - ตะวันตกอย่างสมบูรณ์ โดยการดำเนินการ อยู่ระหว่างจัดทำรายงานขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้อนุมัติให้ กทพ. เดินหน้าก่อสร้างในส่วนของ N2 โดยไม่ต้องรอ N1 ตามขั้นตอนเดิม

​นอกจากนี้ การทางพิเศษฯ ยังได้รับมอบหมายให้ดำเนิน โครงการ 2 โครงการในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ และถือเป็นทางพิเศษสายแรกที่ก่อสร้างเป็นอุโมงค์ในภูมิภาค คือ โครงการทางพิเศษสายกะทู้ - ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. และโครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่ - เกาะแก้ว - กะทู้ ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมต่อไปยังสนามบินภูเก็ต เพื่อรองรับการเดินทางและท่องเที่ยว

ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่าง TOR จ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยเร็วที่สุดและเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน กทพ. ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ทันสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการแก่ผู้ใช้ทางพิเศษ เช่น การพัฒนาศูนย์ควบคุมระบบจราจรอัจฉริยะ (ITS Center) การพัฒนาระบบ e - Service

เพื่อให้บริการเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ แก่ผู้ใช้บริการทางพิเศษ และล่าสุดได้เปิดศูนย์บริหารการจราจรทางพิเศษ (Expressway Traffic Management Center) ซึ่งเป็นศูนย์สั่งการด้านการจราจรแบบ Single Command เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ในด้านการจัดเก็บค่าผ่านทาง ได้เพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยการติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ แบบไม่มีไม้กั้น Multi-lane Free Flow หรือ M-Flow ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมโดยร่วมกับกรมทางหลวง ในการบูรณาการให้เป็นไปในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน เพื่อแก้ไขปัญหารถติดหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง โดยมีการดำเนินงาน เป็น 3 ระยะ คือ

  •  ระยะที่ 1 ติดตั้งระบบ M – Flow บนทางพิเศษฉลองรัช ที่ ด่านจตุโชติ, ด่านสุขาภิบาล 5-1 และ ด่านสุขาภิบาล 5-2
  •  ระยะที่ 2 บนทางพิเศษฉลองรัชในด่านที่เหลือ ทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก รวม 60 ด่าน
  •  ระยะที่ 3 บนทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษอุดรรัถยา รวมทั้งโครงการต่าง ๆ ในอนาคต

  ​“และเพื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จะยังคงพัฒนาศักยภาพต่อไป เพื่อให้ทางพิเศษเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ปลอดภัย ได้มาตรฐาน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทยได้อย่างยั่งยืน” นายสุรเชษฐ์ฯ กล่าวในท้ายที่สุด