นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) เดือนมกราคม – กันยายน 2564 มีมูลค่า 60,090.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 78.09 % แบ่งเป็นมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) 57,221.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) 2,869.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ โดยภาพรวม การใช้สิทธิประโยชน์ฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้น 35.10%
ทั้งนี้การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มีมูลค่า 57,221.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 35.13% และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 78.91% โดยตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ ภายใต้ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มูลค่า 19,691.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ,อาเซียน มูลค่า 19,344.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ,ออสเตรเลีย มูลค่า 6,255.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น มูลค่า 5,229.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ อินเดีย มูลค่า 3,528.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับกรอบความตกลงการค้าเสรีที่มีอัตราการใช้สิทธิประโยชน์ฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย-เปรู ,อาเซียน-จีน , ไทย-ชิลี , ไทย-ญี่ปุ่น ,และ อาเซียน-เกาหลี
สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง ประกอบไปด้วยสินค้าหลากหลาย ทั้งสินค้าอุตสาหกรรม อาหารปรุงแต่งและเกษตรแปรรูป อาทิ รถยนต์เพื่อขนส่งของ/บุคคล ,รถจักรยานยนต์ , เครื่องซักผ้า เครื่อง,ปรับอากาศ ,ตู้เย็น , อาหารปรุงแต่ง , สุกรมีชีวิต ,เนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง , กุ้งปรุงแต่ง , ปลาซาร์ดีนปรุงแต่ง , ทุเรียนสด , ผลไม้ อาทิ ฝรั่ง มะม่วง มังคุด ,ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก และปลาโบนิโตชนิดซาร์ดา (กระป๋อง) เป็นต้น
“การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP ทั้ง 4 ระบบ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 2,869.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น34.57% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 64.65% ตลาดส่งออกที่ไทยมีมูลค่าการใช้สิทธิฯ มากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 2,560.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น41.88% และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 68.27 % อันดับสองคือ สวิตเซอร์แลนด์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 195.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง7.35% และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 37.72% อันดับสามคือ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 101.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง1.20 % และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 67.37 % และนอร์เวย์ มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 12.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง14.38% และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 64.11%
สำหรับสินค้าส่งออกที่มีการใช้สิทธิฯ สูง คือ ถุงมือยาง และสินค้าประเภทอาหารปรุงแต่ง ผลไม้ เครื่องดื่ม อาทิ อาหารปรุงแต่ง ซอสและของปรุงแต่งสำหรับทำซอส สับปะรดกระป๋อง พืช/ผลไม้ปรุงแต่ง พืชผัก ผลไม้ที่ทำไว้ไม่ให้เสียโดยใช้น้ำตาล ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก และปลาโบนิโต (ชนิดซาร์ดา) เนื้อปลาแบบฟิลเล สด แช่เย็น แช่แข็ง ข้าวที่สีบ้างแล้วหรือสีทั้งหมด เป็นต้น