เชียงใหม่ระทมโควิด-19ทำพัง70,000ล้าน

นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบ 3 ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม ภาคการบริการต่าง ๆ ได้รับผลกระทบ ประเมินเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้วไม่ต่ำกว่า 60,000-70,000 ล้านบาท

น่าวิตกว่าถ้าการระบาดเชื้อโควิด-19 ยังยืนระยะยาว ความเสียหายยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก  จึงต้องเร่งระดมการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความคุ้มกันหมู่ในพื้นที่ เพื่อจะได้กลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้
    

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปลายปีนี้ยังน่าเป็นห่วง เวลานี้ฉีดวัคซีนกันไปได้ระดับหนึ่งแล้ว อาจพอขับเคลื่อนได้ในบางส่วน แต่ที่เป็นปัญหาตอนนี้คือ พื้นที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนยังมีจำนวนน้อยอยู่ เข้าใจว่าในพื้นที่สีแดงเข้มจำเป็นต้องได้รับการจัดสรรก่อน แต่ก็อยากให้มองว่าเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่จังหวัดหนึ่ง สร้างเม็ดเงินให้ประเทศปีละไม่น้อย โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม จึงควรให้น้ำหนักในการจัดสรรวัคซีนเพิ่ม เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้
    

เชียงใหม่มีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชากร 1,500,000 คนตามทะเบียนเพื่อสร้างความคุ้มกันใหม่ เวลานี้ฉีดไปได้ประมาณ 17-18%  โดยเร่งฉีดให้กลุ่มเสี่ยงคือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กับ 7กลุ่มโรคเสี่ยง ซึ่งมาฉีดไปเพียงประมาณ 30%  อาจเพราะยังกังวลใจ จึงจัดแคมเปญพาผู้สูงอายุมาฉีดให้สิทธิคนพามาอีก 1 คน เพื่อเร่งการฉีดวัคซีนให้เข้าเป้าหมาย 
    ในส่วนของ Chiang Mai Sandbox  เพื่อช่วยเหลือธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบหนัก มีการปรับตามสถานการณ์ จากที่อัตราการฉีดวัคซีนยังค่อนข้างจำกัด จึงปรับให้นำนักท่องเที่ยวเข้ามาในสนามกอล์ฟ หรือในพื้นที่จำเพาะ ทำเป็นกอล์ฟ แซนด์บ็อกซ์ แทนแผนเส้นทางท่องเที่ยวSealed Route 4 อำเภอ ซึ่งสามารถบริหารการฉีดวัคซีนได้ดีกว่า เอานักท่องเที่ยวไปอยู่ในสนามกอล์ฟ แล้วจัดคนเข้าไปหานักท่องเที่ยว เช่น ไปจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในสนามกอล์ฟ ตลาดนัด ถนนคนเดินในสนามกอล์ฟ โดยคนที่จะเข้าไปในพื้นที่ให้ระดมฉีดวัคซีนให้ตามเงื่อนไข ซึ่งจะใช้วัคซีนน้อยกว่าและขับเคลื่อนควบคุมได้ง่ายกว่า  ในลักษณะของ Bubble and Seal  มาใช้
    

ด้านนายสรนันท์ เศรษฐี นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่  เปิดเผยว่า นับแต่เกิดการระบาดเชื้อโ๕วิด-19 มาปีกว่า อสังหาฯเชียงใหม่กลุ่มแนวราบลดไป 20-40 % แต่แนวสูงกลุ่มคอนโดมิเนียม จะลดลงกว่า 50% เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนต่างพื้นที่ เช่น คนจีน หรือคนกรุงเทพฯ ซึ่งเดินทางเข้าพื้นที่ไม่ได้ ทำให้การซื้อคอนโดฯเวลานี้หายไปเกือบหมด 
    

ที่ยังพอไปได้คือ บ้านแนวราบราคาไม่กิน 3 ล้านบาทที่ขายให้คนท้องถิ่น แต่ก็ลดลงไปกว่า 20-30% เพราะว่ากำลังซื้อ รายได้ของประชาชนหดหายไป โดยโครงการใหม่ ๆ มีบ้าง แต่ว่าน้อยลงกว่าปีก่อน ๆ เพราะว่าซัพพลายในตลาดยังเหลืออยู่ค่อนข้างเยอะ โซนสันกำแพงพอมีโครงการใหม่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ประกอบการที่ซื้อที่ไว้ตั้งแต่ก่อนโควิด19 ถึงคิวที่จะต้องทำแล้ว ก็ยังต้องทำต่อ
   

 ขณะที่นโยบายรัฐกระตุ้นภาคอสังหาฯ ให้ลดค่าธรรมเนียมโอนค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% หรือเกือบจะฟรี จะหมดระยะเวลาในสิ้นปีนี้ ควรจะขยายเวลาออกไปอีก เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไว้ นอกจากนี้ควรช่วยธุรกิจลดภาระต้นทุนต่าง ๆ ลง โดยในภาวะโควิด-19 ทางราชการก็ทำงานลำบาก การพิจารณาอนุมัติคำขอต่าง ๆ ก็ล่าช้าเพิ่มขึ้น เช่น จังหวัดมีคำสั่งห้ามประชุมเกิน 20 คน ทำให้การประชุมจัดสรรเดือนที่แล้วต้องยกเลิกไป การอนุมัติงานต่าง ๆ ให้ภาคเอกชน การตรวจใบอนุญาตโรงแรม การออกตรวจเพื่อต่อใบอนุญาต ก็ทำได้ยากขึ้นนานขึ้น ขณะที่ภาระที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับทั้งดอกเบี้ย ค่าพนักงาน ค่าใช้จ่ายสำนักงาน ยังเดินหน้าทุกวัน ไม่ได้หยุดไปด้วย เมื่อรัฐไม่สามารถออกใบอนุญาตได้เขาก็ไปเริ่มดำเนินการก่อสร้างไม่ได้ 
    ในช่วงภาวะโควิคแบบนี้ทางราชการก็ทำงานค่อนข้างลำบาก อาจจะเรื่องการประชุมกรรมการจัดสรร การออกใบอนุญาตต่างๆ การออกมาตรวจสอบต่างๆก็จะช้าลง ก็ทำให้ผู้ประกอบการที่เขาได้โอนที่ ได้เตรียมโครงการไปแล้วมีต้นทุนเรื่องดอกเบี้ย เรื่องค่าพนักงาน เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆที่รันทุกเดือน แต่ว่าทางภาครัฐอาจจะไม่สามารถมาตรวจออกใบอนุญาตได้  เขาก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการก่อสร้างได้ ควรต้องเร่งหาทางออกเพื่อช่วยลดภาระทางการเงินให้ผู้ประกอบการด้วย 

หน้า 2 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,704 วันที่ 12-14 สิงหาคม พ.ศ.2564