รังนกพัทลุง ไร้คนยื่น เปิดประมูลครั้งที่ 8 กดราคาเหลือ 405 ล้าน
จังหวัดพัทลุงออกประกาศครั้งที่ 8 เชิญชวนร่วมประมูลรังนกอีแอ่น หั่นราคากลางลงเหลือ 405 ล้านบาท ตํ่ากว่ารอบเดิมที่ 450 ล้านบาท ผู้ว่าฯชี้สาเหตุคนยังรีรอ เพราะยังไม่ถึงรอบเก็บรังนก ชนะเร็วต้องจ่ายงวดแรก 20% ทันทีเกือบร้อยล้านบาท และราคารังนกร่วงจากเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน
นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้ออกประกาศเชิญชวนผู้สนใจ เข้าร่วมประมูลสัมปทานรังนกพัทลุง ครั้งที่ 8 ระยะ เวลา 5 ปี โดยมีการปรับลดราคากลางจากเดิม 410 ล้านบาท ลงเหลือ 405 ล้านบาท หลักประกันซอง 10 ล้านบาท ส่วนเงื่อนไขอื่นยังคงเหมือนเดิมกับการประกาศครั้งที่ 7
ทั้งนี้ ได้จัดส่งใบเสนอราคาไปให้กับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรังนกจำนวน 15 บริษัทเหมือนเดิมอีกครั้ง ซึ่งผู้สนใจสามารถขอรับใบเสนอราคาได้เพิ่มเติมที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) พัทลุง ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2564
“โดยในวันที่ 4 สิงหาคม 2564 จะเป็นวันยื่นซองเสนอราคาประมูลเป็นครั้งที่ 8 ระหว่างเวลา 09.00-11.00 น.ที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดพัทลุงเหมือนเดิม”
นายกู้เกียรติ กล่าวอีกว่า การออกประกาศครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 8 หลังจากที่ออกประกาศมาแล้ว 7 ครั้ง ก็ยังไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล โดยได้มีแผนสำรองไว้ว่าหากไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลอีก ทางคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานฯ จะจัดให้มีการประชุมรวมคณะกรรมการกำหนดราคากลาง ที่มีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พัทลุงเป็นประธานฯ เพื่อจะได้พิจารณาตกลงกำหนดราคากลางร่วมกันเลยในคราวเดียว เพื่อลดขั้นตอนจากเดิมที่ต้องให้คณะกรรมการกำหนดราคาไปกำหนดราคากลางมาก่อน แล้วส่งให้คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรฯออกประกาศ
ส่วนสาเหตุที่การเปิดประมูลสัมปทานที่ผ่านมา 7 ครั้งแล้ว ยังไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวรับว่า ไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุอะไร ไม่มีเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการแต่ละราย ว่าทำไมถึงไม่สนใจเข้าร่วมประมูลรอบนี้ เช่นว่ากำหนดราคากลางสูง หรือเงื่อนไขมากไปแต่อย่างใด
“ที่เราประเมินด้วยตัวเองอาจเป็นไปได้ว่า คนที่สนใจเข้าร่วมประมูลจริงๆ อาจจะยังไม่เร่งรีบที่จะเข้ามาเสนอราคาในห้วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เนื่องจากพอประมูลเข้ามาแล้วใช่ว่าจะเก็บรังนกได้ทันที ยังต้องรอให้นกออกจากรังเสียก่อน ซึ่งจะเริ่มเก็บรังนกกันได้ในช่วงประมาณเดือนกันยายนเป็นต้นไป จึงยังชะลอการเข้าร่วมประมูลไว้ก่อน”
นอกจากนี้แล้วทันทีที่ประมูลได้จะต้องวางเงินสดในวันเซ็นสัญญาในอัตรา 20% ของราคาประมูล ถ้าชนะประมูลที่วงเงิน 410 ล้านบาท ต้องวางเงินสดในวันลงนามสัญญาทันที 82 ล้านบาททันที ตรงนี้อาจเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้สนใจยังรอเวลา ไม่อยากเอาเงินมาจมไว้นานเกินไป โดยยังไม่สามารถขึ้นเก็บทำรายได้กลับคืนมา
ผู้ว่าฯพัทลุงกล่าวอีกว่า อีกส่วนมาจากภาวะราคาซื้อขายในตลาดโลกตอนนี้ เราไม่ทราบเลยว่าราคาเป็นอย่างไร แค่เพียงรู้ว่าราคาลดลง แต่ไม่ทราบว่าลดลงมากน้อยขนาดไหน ทำให้ประเมินยากอยู่เหมือนกันว่าราคาควรจะเป็นที่เท่าไหร่
“รักนกไม่ใช่สินค้าทั่วๆ ไป แต่เป็นสินค้าที่มีตลาดเฉพาะ ไม่เหมือนกับสินค้าตัวอื่นที่เราสามารถรู้ความเคลื่อนไหวราคาได้อย่างชัดเจนจากหน่วยงานต่างๆ แต่กรณีรังนกเราไม่รู้เลย เพราะเป็นราคาระหว่างผู้ซื้อผู้ขายที่รู้กันเอง เพราะเป็นสินค้าเฉพาะ” ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าว
จังหวัดพัทลุง จัดประมูลสัมปทานรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง รอบใหม่ (5 ปี ระหว่าง 15 มิ.ย. 2564- 14 มิ.ย. 2569) มาตั้งแต่ก่อนที่รอบเดิมจะครบกำหนดเมื่อ 14 มิ.ย. 2564 โดยครั้งแรกกำหนดราคากลางที่ 500 ล้าน บาทเพิ่มจากรอบเดิมที่ 450 ล้านบาทแต่ไม่มีผู้สนใจเข้ายื่นซองประมูล จึงได้ปรับลดเงื่อนไข เช่น ลดราคาซอง ลดหลักประกัน ยกเลิกเงื่อนไขแนบท้ายสัญญาให้ซื้อรถ-เรือ มูลค่า 6 ล้านบาท ออก จนถึงลดราคาสัมปทานลงเป็นลำดับ แม้ลงมาเหลือเท่ารอบเดิมที่ 450 ล้านบาท ก็ยังไม่มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลเช่นเดิม แม้จะเลยกำหนดเวลาสัมปทานรอบเดิมไปแล้ว โดยระหว่างนี้ต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าตามเกาะรังนกไว้ก่อน และลดราคาสัมปทานลงมาจนเหลือที่ 405 ล้านบาท ที่กำหนดยื่นซองวันที่ 4 ส.ค. 2564 นี้ ที่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีผู้สนใจยื่นหรือไม่
สมชาย สามารถ/รายงาน
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,701 วันที่ 1-4 สิงหาคม พ.ศ.2564