“พาณิชย์”ลั่นพร้อมดูแลราคา  “ชุดตรวจโควิด-19-ยาฟ้าทะลายโจร”

15 ก.ค. 2564 | 17:09 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ค. 2564 | 00:04 น.

“จุรินทร์”เผยพร้อมเข้าไปดูแลชุดตรวจโควิด-19 หลัง ชี้ต้องดูให้รอบคอบ ส่วนยาฟ้าทะลายโจร ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด หากเข้าไปคุม ของอาจขาดตลาด กระทบผู้บริโภคได้ เว้นแต่สาธารณสุขขอให้คุม ก็พร้อมจัดการ พร้อมสั่งดูแลการกักตุน โก่งราคา หากพบจัดการเด็ดขาด ทั้งจำทั้งปรับ 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวทางการดูแลชุดตรวจโควิด-19 หรือ Rapid Antigen Test และยาฟ้าทลายโจร ว่า ในส่วนของการเข้าไปควบคุมราคานั้น กระทรวงพาณิชย์รอข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่ว่าอนุญาตให้ผู้นำเข้ามาขึ้นทะเบียนกี่ราย ปริมาณเท่าใด ราคาต้นทุนเท่าใด

“พาณิชย์”ลั่นพร้อมดูแลราคา   “ชุดตรวจโควิด-19-ยาฟ้าทะลายโจร”
การกำหนดราคาขายในความเห็นของ อย. ในฐานะต้นเรื่องมีราคาเท่าไร เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถกำหนดได้เอง เนื่องจากไม่มีพื้นฐานด้านเครื่องมือแพทย์ ดังนั้น เมื่อกระทรวงสาธารณสุขทำต้นเรื่องมาเสร็จแล้ว กระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมดำเนินการให้เป็นไปตามความประสงค์ในทันที
         

ทั้งนี้การคุมราคาไม่ยาก แต่การกำหนดราคาที่สอดคล้องกับต้นเรื่องที่มีความหลากหลายของยี่ห้อ คุณภาพ มาตรฐาน และราคาต้นทุนที่มีความแตกต่างกัน จึงต้องดูด้วยความรอบคอบว่าถ้าไปกำหนดราคาในระดับหนึ่ง จะมีผลเป็นการสกัดไม่ให้มีการนำเข้าหรือไม่ เพราะถ้านำเข้ามาแล้ว ไม่กำไร ก็ไม่มีผู้นำเข้ามา ทำให้สุดท้ายประชาชนจะไม่สามารถมี Rapid test ใช้ได้

อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ ตนได้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คือ 1.ได้เสนอในที่ประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าขอให้องค์การเภสัชกรรมเร่งนำเข้า Rapid test ให้มากและเร็วที่สุด เพื่อนำมาจำหน่ายในราคาที่ถูกที่สุดให้กับประชาชน จะได้กลายเป็นราคาชี้นำในตลาด 2.ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ควรเร่งรัดการนำเข้ามาให้มากที่สุด เพื่อนำมาแจกฟรีให้กับประชาชน เพราะมีงบประมาณ และสามารถแจกฟรีได้ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าทางองค์การเภสัชกรรม กับ สปสช.ประชุมร่วมกันแล้วจะมีแผนที่จะนำเข้ามา 10 ล้านชุด  

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับราคายาฟ้าทะลายโจร ตอนนี้เป็นไปตามหลักกลไกตลาด พอมีความต้องการเยอะมากขึ้น ราคาก็ขึ้น แต่รัฐบาลไม่ได้ละเลย สมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นสินค้าเกษตรชนิดหนึ่ง เป็นพืชสมุนไพรที่ผู้ปลูกที่ตรวจสอบทั้งหมด เป็นผู้ปลูกรายย่อย ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียน ส่วนปริมาณของวัตถุดิบการผลิต จึงไม่เสถียร ขึ้นอยู่กับภาวะความต้องการของตลาดในแต่ละช่วง ด้านราคาก็เช่นเดียวกัน จะขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดแต่ละช่วง แต่เนื่องจากมีกรณีว่ายาฟ้าทะลายโจรสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรักษาโควิด-19 ได้ ขณะเดียวกัน อย. ก็ขึ้นเป็นบัญชียาหลัก โรงพยาบาลสามารถจ่ายให้กับผู้ป่วยและเบิกได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่นเดียวกับบัญชียาหลักอื่น ยาฟ้าทลายโจร จึงต้องขึ้นทะเบียนเป็นยา อยู่ภายใต้พ.ร.บ.ยา ซึ่ง อย. กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้โดยตรง
         
ส่วนกรณีที่มีผู้ให้ความเห็นว่าควรกำหนดราคาควบคุมหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องมีการหารือกัน ซึ่งได้ขอให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงสาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เลขาธิการ อย. องค์การเภสัชกรรม และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดคุยกัน และมีข้อสังเกตว่าการที่จะกำหนดราคาควบคุมไปเลย ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพราะขณะนี้ยาฟ้าทะลายโจร ดูผิวเผินเบื้องต้นอาจจะไม่เพียงพอต่อการสนองความต้องการของตลาดเพราะมีความต้องการตลาดเฉพาะกิจสูงขึ้นมาก ถ้าไปควบคุมราคา จะทำให้ของหายจากตลาดหรือไม่ ผู้ผลิตจะหยุดผลิตและจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์หรือไม่ กระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการหารือกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
         

ถ้ากระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องควบคุม สามารถดำเนินการนับหนึ่ง และมาใช้กฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กำหนดราคาควบคุมได้ แต่ตอนนี้ ติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด คำนึงถึงผลได้ผลเสีย หรือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก หากไปกำหนดราคาควบคุม ของจะหายไปจากตลาดหรือไม่ คนจะหยุดผลิต หรือกักตุน และประชาชนจะหาฟ้าทะลายโจรรับประทานไม่ได้หรือไม่ ต้องติดตามโดยใกล้ชิด ต้องดูให้สมดุลด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงว่าประชาชนควรจะมีโอกาสเข้าถึงยาให้ได้มากที่สุด
         
สำหรับเรื่องการกักตุน ขายเกินราคา กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงสาธารณสุขจะดูร่วมกันต่อไป โดยตนได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน เข้าไปดูว่าราคาอ้างอิงที่ควรจะเป็นเม็ดละเท่าไร ที่ทำให้ผู้ผลิตสามารถเดินหน้าผลิตต่อไปได้และไม่ทำให้ของขาดตลาด และจะพิจารณาร่วมกับ อย. องค์การเภสัชกรรม และผู้ผลิตรายใหญ่ด้วย เพื่อให้ได้ราคาอ้างอิง ขณะนี้หากขายเกินราคา หรือขายเกินราคาอันสมควร หรือค้ากำไรเกินควร ก็มีกฎหมายตามมาตรา 29 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ