กรมธุรกิจพลังงานเชื่อ "โควิด" คลายดันใช้เบนซิน-ดีเซลปี 64 สูงเท่าปี 62

05 ม.ค. 2564 | 18:10 น.

กรมธุรกิจพลังงานเชื่อโควิด-19คลี่คลายดันใช้เบนซิน-ดีเซลปี 64 สูงเท่าปี 62 ระบุยอดใช้น้ำมันชื้อเพลิง 11 เดือนปี 63 ลดลง 12.7%

างสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการใช้น้ำมันในปี 64 โดยคาดว่าการใช้กลุ่มเบนซิน และดีเซลจะสูงกว่าปี 2563 โดยอยู่ที่ 31 - 34 ล้านลิตร/วัน และ 65-69 ล้านลิตร/วัน ซึ่งใกล้เคียงกับการใช้ในปี 62 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของการติดเชื้อโควิด-19 (COVID-19) ที่คาดว่าจะสามารถควบคุมได้ การขยายตัวของเศรษฐกิจ (โดยสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ“สศช.” หรือสภาพัฒน์ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 64 จะขยายตัว 3.4-4.5%) ความต้องการใช้รถส่วนตัวแทนรถสาธารณะ

ประกอบกับราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก(ทีม PRISM Expert ของ กลุ่ม ปตท. คาดว่าในปี 64 ราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 45-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ EIA ของสหรัฐอเมริกาคาดว่าราคา WTI จะเฉลี่ยอยู่ที่ 46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล)

อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องมีการ “ล็อกดาวน์” (Lockdown) หรือปิดสถานที่บางแห่งเช่นเดียวกับช่วงไตรมาส 2 ของปี 63 ปริมาณการใช้น้ำมันอาจลดลงมาต่ำกว่าปกติอีก สำหรับการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2563 มาอยู่ที่ 8-11 ล้านลิตร/วัน โดยคาดว่าความต้องการใช้จะยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่ง บมจ. ท่าอากาศยานไทยคาดว่าการจราจรทางอากาศจะกลับมาอยู่ในระดับก่อนโควิด-19 ในปี 66 ขณะที่ปริมาณการใช้ LPG และ NGV คาดว่าจะยังคงลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ธพ.กบส. 30 ธ.ค. 63

นางสาวนันธิกา กล่าวต่อไปอีกถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 11 เดือนปี 63 (มกราคม – พฤศจิกายน) ว่า ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 12.7% โดยกลุ่มเบนซิน ลดลง 1.8% กลุ่มดีเซล ลดลง 3.3% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง 61.2% น้ำมันเตา ลดลง 13.6% น้ำมันก๊าด ลดลง 14.0% LPG ลดลง 14.3% และ NGV ลดลง 28.8% โดยสาเหตุสำคัญยังคงมาจากสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการเดินทางของประชาชน

ทั้งนี้ การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.5 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.8% โดยความต้องการใช้ลดลงมากในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่มีการล็อกดาวน์ และความต้องการใช้เริ่มกลับมาอยู่ในระดับปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยประชาชนหันมาใช้ รถส่วนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้รถสาธารณะ

สำหรับการใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.8 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 17.1%) และกลุ่มแก๊สโซฮอล์ปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 30.7 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 1.3%) เมื่อพิจารณาแยกชนิดน้ำมัน พบว่า แก๊สโซฮอล์ อี85 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 0.9 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 29.4%) รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 8.2 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 13.9%) ขณะที่แก๊สโซฮอล์อี 20 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6.5 ล้านลิตร/วัน (เพิ่มขึ้น 0.2%) และแก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 15.1 ล้านลิตร/วัน(เพิ่มขึ้น 9.3%)

การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 65.1 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.3% โดยการใช้ลดลงมากในเดือนเมษายนที่มีการ Lockdown และปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับปกติตั้งแต่เดือนพฤษภาคม สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7มีปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 43.9 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 27.0%) น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 15.5 ล้านลิตร/วัน (เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562)

และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 3.7 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากนโยบายส่งเสริมของภาครัฐการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 61.2% เนื่องด้วยสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้การเดินทางด้วยเที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศลดลง และปัจจุบันยอดการใช้ยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ โดยการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ในเดือนพฤศจิกายน คิดเป็นเพียง 30% ของการใช้ในระดับปกติ

การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 15.3 ล้านกิโลกรัม/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.3% โดยปริมาณการใช้ในภาคขนส่งลดลงมากที่สุด โดยมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2.0 ล้านกิโลกรัม/วัน (ลดลง 27.3%) รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี ซึ่งมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 6.1 ล้านกิโลกรัม/วัน (ลดลง 18.2%) ถัดมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 1.7 ล้านกิโลกรัม/วัน (ลดลง 8.1%) และภาคครัวเรือนมีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดโดยการใช้อยู่ที่ 5.5 ล้านกิโลกรัม/วัน (ลดลง 4.9%) การใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 3.9 ล้านกิโลกรัม/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.8% สอดคล้องกับจำนวน รถ NGV ที่ลดลง

การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 888,893 บาร์เรล/วัน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 7.3%) โดยการนำเข้าน้ำมันดิบลดลงมาอยู่ที่ 852,111 บาร์เรล/วัน (ลดลง 0.5%) คิดเป็นมูลค่า 3.75 หมื่นล้านบาท/เดือน ในขณะที่การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) ลดลงมาอยู่ที่ 36,782 บาร์เรล/วัน (ลดลง 64.0%) คิดเป็นมูลค่านำเข้ารวม 1.68 พันล้านบาท/เดือน
              การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPGโดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 184,806 บาร์เรล/วัน (เพิ่มขึ้น 12.3%) ทดแทนอุปสงค์ในประเทศที่ลดลง คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 8.18 พันล้านบาท/เดือน (ลดลง 25.6%) โดยมูลค่าลดลงสวนทางกับปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงมาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“วัคซีนโควิด-19” ใครได้สิทธิ์บ้าง เช็กเลย

รวมข่าว "โควิด-19" วันที่ 5 ม.ค.64 แบบอัพเดทล่าสุด

สุราษฏร์ธานี พบผู้"ติดเชื้อโควิด"เพิ่ม 2 ราย เชื่อมโยงหญิงที่มาจากสมุทรสาคร