ประกาศิต“ทักษิณ” สั่งทุบค่าไฟเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย

*** “ไฟฟ้า” ถือเป็นสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นบริการสาธารณะที่จัดทำเพื่ออำนวยประโยชน์แก่ประชาชนในสิ่งอุปโภคที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต ดังนั้นเมื่อ “ไฟฟ้า” เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต จำเป็นต่อการดำรงชีพ ก็สมควรแล้วที่รัฐบาลจะต้องหาหนทางทำให้ราคา “ค่าไฟฟ้า” ไม่แพงเกินไป จนสร้างความเดือดร้อน หรือ ทำให้ประชาชนมีภาระค่าครองชีพที่สูงเกินไป 

*** ในการ “หาเสียง” เลือกตั้ง แต่ละพรรคการเมือง ก็มักจะหยิบยกเรื่อง “ลดราคาพลังงาน ทำให้ราคาค่าไฟถูกลง” มาใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงกับประชาชน โดยเฉพาะช่วงเดือน ส.ค. 2566 ซึ่งเป็นช่วงระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” ได้ขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทางพรรคเพื่อไทยก็ได้โพสต์นโยบายของพรรคที่จะขับเคลื่อนเมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ โดยจะดำเนินนโยบายปรับลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าช เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้ประชาชนโดยทันที ที่จัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ 

สำหรับแนวทางการลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าช ที่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของพรรคเพื่อไทย ในนโยบายด้านพลังงานนั้นระบุว่า “จะมีการปรับลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ ทันที เพื่อลดภาระในการเข้าถึงแหล่งพลังงานในชีวิตประจำวันให้ประชาชน” ...แต่จวบจนปัจจุบัน การทำให้ราคา “ค่าไฟ” ถูกลงกว่าที่เป็นอยู่ ก็ยังไม่เห็นผลเป็น “รูปธรรม” มีแต่ “ตรึง” ค่าไฟไว้ อยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย

*** ทำให้ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2568 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกขึ้นมาพูดในการปราศรัยหาเสียงช่วย นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ของพรรคเพื่อไทย ประกาศจะผลักดันให้รัฐบาลลดราคา “ค่าไฟฟ้า” เหลือไม่เกิน 3.70 บาทต่อหน่วย 

โดย ทักษิณ ระบุว่า “บ้านเรามีเสือนอนกิน มีทุกที่ทุกวงการ กำลังนั่งไล่ให้รัฐมนตรีไปพูดกับข้าราชการ ก็มีคำแก้ตัวสารพัด นายกฯ ไปพูดกับรัฐมนตรีว่า ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้จะเปลี่ยนคนมาแทน รัฐมนตรีจึงจะกระเตื้อง เช่น เรื่องข้าว ...เรื่องไฟฟ้า ปีนี้ค่าไฟฟ้าจะต้องลงไปอยู่ที่เลข 3 ไม่ใช่เลข 4 ใจผมอยากให้เหลือหน่วยละ 3.50 บาท แต่คงได้แค่ 3.70 บาท กำลังให้เขาช่วยทุบอยู่ ปีนี้ค่าไฟลงแน่ เห็นตัวเลขแล้วทุบได้ ต่อไปค่าอาหารสัตว์ ค่าปุ๋ย ค่ายาจะให้ลง เรื่องนี้จะต้องทำให้เป็นจริงภายในปีนี้ให้หมดทุกอย่าง ถึงบอกว่าปีนี้รัฐบาลต้องทำงานหนัก 1.ยาเสพติดต้องเอาให้เกลี้ยง 2.คอลเซ็นเตอร์ ต้องเอาให้เกลี้ยง 3.การผูกขาดทุกรูปแบบต้องเอาให้หมด เพื่อให้พี่น้องมีค่าใช้จ่ายในชีวิตต่ำลง ทำรายได้ให้ดีขึ้น มีโอกาสดีขึ้น ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในปี 2568”

*** ผลพวงจากการประกาศ “ทุบค่าไฟ” ให้ลดลงเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย ของ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 6 ม.ค. 2568 เวลา 10.06 น. หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลง โดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลง อาทิ 1.หุ้น GPSC ร่วง 8.72% ราคาลด 3.25 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 34.00 บาท 2.หุ้น BGRIM ร่วง 5.26% ราคาลด 1.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 18.00 บาท 3.หุ้น GULF ร่วง 2.61% ราคาลด 1.50 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 56.00 บาท 4. หุ้น GUNKUN ร่วง 1.83% ราคาลด 0.04 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 2.14 บาท 5. หุ้น RATCH ร่วง 1.71% ราคาลด 0.50 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 28.75 บาท 6.หุ้น BPP ร่วง 0.97% ราคาลด 0.10 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 10.20 บาท และ 7. หุ้น TPIPP ร่วง 0.68% ราคาลด 0.02 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 2.94 บาท 

*** วีระวัฒน์  วิโรจน์โภคา ผอ.อาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บล. ฟินันเซีย ไซรัส ออกมาชี้ถึงเหตุที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยยอมรับว่า การพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ทำให้มีผลต่อหุ้นโรงไฟฟ้าหากมีการปรับลดลงจริง หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ก็จะได้รับผลกระทบ จะเห็นได้ว่า  หุ้น GPSC กับ BGRIM จะโดนค่อนข้างเยอะ ขณะที่ GULF จะร่วงไม่มาก ทั้งนี้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจะมีความเสี่ยงจากประเด็นดังกล่าวมากระทบ 

*** ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ชี้ว่า ประเด็นการปราศรัยของ ทักษิณ ชินวัตร ถึงแนวคิดการลดค่าไฟในปีนี้ให้ลงมาที่ 3.70 บาทต่อหน่วย หรือลดลง 11% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย ยังคงต้องติดตามรายละเอียดในทางปฏิบัติว่าจะมีผลกับกลุ่มใดบ้าง เนื่องจากหากค่าไฟลดมาที่ 3.70 บาทต่อหน่วยได้จริง ถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าไฟฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ปัจจัยดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อ Sentiment ลบในระยะสั้นต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP โดยเฉพาะ GPSC BGRIM แต่อีกด้านหนึ่งหากอัตราค่าไฟลดลง มีผลดีกับผู้ประกอบการภาคเอกชนในกลุ่มที่เป็นผู้ใช้ไฟด้วยเช่นกัน ...มารอดูกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถทำให้ “ค่าไฟ” ลดลงได้จริงหรือไม่ และ เมื่อไหร่ หากทำไม่ได้ ก็เท่ากับว่า คำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีความหมาย พูดเพียงเพื่อหาเสียงเท่านั้น...

*** ปิดท้ายกันที่...สมาคมกอล์ฟมิตรภาพไทย-เอเชีย ขอเชิญร่วม การแข่งขันกอล์ฟการกุศล ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศสมาคมกอล์ฟมิตรภาพ ไทย-เอเชีย ในวันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 ณ สนามกอล์ฟราชพฤกษ์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับและเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก และบุคคลที่อยู่ในวงการนักธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเพื่อหาทุนสนับสนุนการดําเนินกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมกอล์ฟมิตรภาพไทย-เอเชีย รวมทั้งกิจกรรมสาธารณกุศล

โดยกําหนดการแข่งขันขึ้นในวันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. เริ่มลงทะเบียน รับประทานอาหารก่อนแข่งขัน เวลา 12.00 น. เริ่มแข่งขันพร้อมกันทุกหลุม เวลา 18.00 น. งานเลี้ยงสังสรรค์ มอบถ้วยรางวัลเกียรติยศแก่ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน จับฉลากรางวัล ณ คลับเฮ้าส์ สโมสรราชพฤกษ์ ...สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมกอล์ฟมิตรภาพไทย-เอเชีย โทร. 081-8438622 คุณวีระ สว่างศรี