สินค้าจีน-ผู้ลงทุนจีน ป่วนผู้ประกอบการไทย

21 ธ.ค. 2567 | 17:46 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ธ.ค. 2567 | 18:08 น.

สินค้าจีน-ผู้ลงทุนจีน ป่วนผู้ประกอบการไทย : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...กาแฟขม หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,054

*** วันเวลาเดินทางไวเหมือนสายนํ้าไหล อีก 2 สัปดาห์สิ้นปี 2567 กันแล้ว สะบัก สะบอม กันพอสมควร สำหรับเศรษฐกิจ ธุรกิจในปีนี้ โดยเฉพาะรายย่อย เอสเอ็มอี หลายรายไปต่อไม่ไหว ปรับตัวไม่ทันกับทั้งเทคโนโลยีใหม่ กระแสและทิศทางโลก ขาดเงินหนุน ม้วนเสื่อ ลาโรงด้วยความคับแค้น โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่ผลิตสินค้าของใช้จิปาถะ เครื่องแต่งตัว โดนสินค้าจีนถล่มยับผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ทันได้ตั้งการ์ดสู้ สถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ในหน้า ถ้าใครปรับไม่ทันก็เก็บฉาก

*** ครั้นจะหวังพึ่งรัฐบาล แม้ตั้งกรรมการระดับชาติขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าแอคชั่นช้า ด้วยความสัมพันธ์ที่ลึกกระชับกับจีน ก็อาจชกไม่เต็มหมัด ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ประกอบการไทยดีขึ้น ไปดูเถอะ หลายตลาด หลายสินค้า ที่คนไทย ผู้ประกอบการไทยเหี่ยวลงๆ ทุกวัน เหลียวดูเพื่อนบ้านที่เขาปกป้องผู้ค้าในชาติให้พอยืนหยัดแข่งขันได้ เขามีแทคติกทั้งเจรจาต่อรองและข้อบังคับ โดยไม่ผิดกฎการค้าเสรี เรือสินค้าจะเข้าเหรอ รอไปก่อนหรือไล่ไปเข้าท่าเรืออื่น เมืองรองที่ไกลออกไป ทำให้เสียเวลาและต้นทุนเพิ่มเป็นอย่างน้อย เขาเรียกแทคติก ดีเลย์สินค้า หรือแม้กระทั่งเอกสารแนบสินค้า ต้องทำเป็นภาษาของเขาให้ชัดเจน กว่าจะตรวจผ่าน ก็เสียเวลา ถ้าสินค้ามีอายุสั้นๆ ก็เข้าไม่ทัน แต่ไทยเหมือนเปิดประตูอ้าซ่า มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นกันทีเดียว อย่างนี้จะไหวหรือ

*** ปีหน้าบันทึกกันไว้ตรงนี้ จะมีทั้งสินค้า และการลงทุนจีนเข้ามาไทยอย่างหนัก ทั้งเข้ามาเพื่อขายภายใน หรือ เข้ามาลงทุนเพื่อผลิตขายส่งออกไปยังตลาดใหญ่ ที่กีดกันจีนโดยตรงอย่างสหรัฐ ที่ใครๆ ก็รู้กันดี ประธานาธิบดี ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ไม้เบื่อ ไม้เมากับพี่ใหญ่จีน ด้วยการตั้งกำแพงสูง

ฉะนั้นสินค้าจีนทะลักสวมเสื้อไทยไปสหรัฐจะเกิดขึ้น ถ้าไทยไม่มีมาตรการหรือดูแลให้ดี ถูกต้องตามกฎ ว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ตามมาอีก เมื่อสหรัฐหันมาตรวจสอบเข้มงวดและอาจตั้งกำแพงโดยตรงเอากับไทย ก็ไม่อยากพูดว่าบรรลัยมาเยือนหนักขึ้นแน่นอน อันนั้นว่าด้วยเรื่องผ่านเข้า ผ่านออกของสินค้า

*** ส่วนที่จับตามองอยู่และไม่ได้รับการแก้ไข จีนเข้ามาลงทุนทั้งบริการ ร้านอาหาร ร้านตัดผม เสริมความงาม ผับ เธค ตอนนี้เกลื่อนกล่น ยึดกันเป็นย่านๆ ตั้งโดยจีน ซื้อ ใช้ เที่ยวโดยคนจีนด้วยกันเอง จ้างงานลูกจ้างคนจีน กระทั่งรปภ.ยังไม่ใช่คนไทยเลยในหลายแห่งใช้เงินหยวน ตัดผ่านบัญชีออนไลน์ โดยไทยไม่ได้อะไรเลย แต่กิจกรรมทั้งหลายเกิดขึ้นในประเทศไทย

ไปดูห้วยขวางทั้งย่าน ไปดูแถวเกษตร-นวมินทร์ มีร้านอาหารพวกนี้ผุดขึ้นคึกคัก คนไทยไม่ได้ทำแม้กระทั่งขายลูกชิ้นปิ้งหน้าร้านก็เถอะ อย่าว่าแต่ธุรกิจที่ใหญ่ๆ ขึ้นระดับ มหาวิทยาลัย วิทยาลัย ที่จีนเข้ามาซื้อในไทยถูกต้องบ้าง ไม่ถูกบ้าง ผ่านนอมินีตัวแทนเชิดโดยคนไทย บริหารโดยจีน นักศึกษาจีนมาเรียน อันนี้ก็เกลื่อนกล่นกันเลยทีเดียว

*** ว่ากันเรื่องเศรษฐกิจ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ เขียนบทความลงไว้ใน “กรุงเทพธุรกิจ” น่าสนใจ น่าเงี่ยหูฟัง จึงตัดเอาบางช่วงตอนมาให้พิจารณากันดู เรื่องที่ไอเอ็มเอฟประเมินเศรษฐกิจไทยว่าไปเรื่องภาพรวมจีดีพี การค้า ลงทุน เงินเฟ้ออะไรต่างๆ แล้วก็มีข้อเสนอแนะนโยบายการคลัง : ไอเอ็มเอฟ มองว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวตํ่ากว่าศักยภาพ ดังนั้น นโยบายการคลังจึงจะยังสมควรกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป แต่รัฐบาลจะต้องเริ่มรัดเข็มขัดมากขึ้น เพื่อลดการขาดทุนงบประมาณตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เพื่อรักษาวินัยและเพิ่มศักยภาพทางการคลัง โดยการใช้จ่ายที่ช่วยผู้ที่มีรายได้ตํ่าและมีหนี้สินมากนั้นควรทำต่อไปอย่างมีประสิทธิผล แต่ก็ควรจะเริ่มจัดสรรงบประมาณไปใช้ในการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพทางด้านการผลิต 

*** ส่วนข้อเสนอนโยบายการเงินไอเอ็มเอฟชัดเจนว่า ควรจะต้องลดดอกเบี้ยนโยบายลงไปอีก เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระของลูกหนี้ และจะไม่เพิ่มความเสี่ยงที่ลูกหนี้จะกู้เพิ่ม เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดกับการปล่อยกู้ใหม่เป็นเกณฑ์อยู่แล้ว    

หน้า 4  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,054 วันที่ 19 - 21 ธันวาคม พ.ศ. 2567