ด้วยความสามารถของธุรกิจครอบครัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรมท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดที่ซับซ้อน และพัฒนาได้ในระบบนิเวศทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ธุรกิจครอบครัวจึงเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนสำหรับประเทศส่วนใหญ่ในโลก โดยประมาณการว่าธุรกิจครอบครัวมีส่วนสร้างรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมของโลก และคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 65% ของการจ้างงานทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่ที่สุด 500 ราย สามารถสร้างรายได้ต่อปีมากกว่า 8.02 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมกันมากพอที่จะเป็นรายได้ของประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐอเมริกาและจีนเลยทีเดียว ซึ่งผลกระทบจากธุรกิจครอบครัวนั้นสามารถเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง โดยมักจะเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบในระดับสากล
สำหรับในหลายประเทศของยุโรป ธุรกิจครอบครัวนั้นมีความหมายถึงความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น ในเยอรมนีบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม ถูกเรียกว่า “Mittelstand” ที่มีความหมายว่า “สถานประกอบการขนาดกลาง” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัว คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมมากที่สุดของประเทศ และเป็นผู้จ้างงานส่วนใหญ่ของประเทศ
ขณะที่ในเกาหลีใต้กลุ่มบริษัทในเครือ Chaebol ที่เป็นธุรกิจครอบครัว เช่น Hyundai, Samsung และ Daewoo มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศหลังทศวรรษ 1950 เช่นกัน สำหรับในอินเดียธุรกิจครอบครัวสามารถสร้างรายได้ถึง 79% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (ภาพที่ 1) และมีธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก 15 รายจากทั้งหมด 500 รายทั่วโลก
ภาพที่ 1: สัดส่วนรายได้และการจ้างงานของธุรกิจครอบครัวในกลุ่มประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ทั้งนี้ในยุโรปยังมีสัดส่วนของธุรกิจครอบครัวมากกว่าทุกภูมิภาค โดยมีธุรกิจครอบครัวจำนวนถึง 17 ล้านราย คิดเป็น 60% ของธุรกิจทั้งหมด และธุรกิจครอบครัวในยุโรปยังติดท็อป 100 ของบริษัทชั้นนำในภูมิภาคมากถึง 25% และสามารถสร้างงานในภาคเอกชนได้ถึง 100 ล้านตำแหน่งอีกด้วย (ภาพที่ 2)
ภาพที่ 2: สัดส่วนธุรกิจครอบครัวในกลุ่มประเทศต่างๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้การที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้บริโภคมากกว่า 3 ใน 4 ให้ความสำคัญกับแนวคิดการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) ในขณะที่กลุ่มมิลเลนเนียลและกลุ่ม Gen-Z ให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืนและสังคมเป็นอันดับต้นๆ ส่งผลให้ธุรกิจครอบครัวหันมาตระหนักในเรื่องนี้เช่นกัน
ข้อมูลจากการศึกษาชี้ว่าธุรกิจครอบครัวมีประสิทธิภาพดีขึ้นในเรื่องของ ESG ในเวทีระดับโลก และกำลังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจครอบครัวในยุโรปเป็นผู้นำภูมิภาคอื่นๆในฐานะผู้ขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ขณะที่ธุรกิจครอบครัวในเอเชียก็กำลังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน
ทั้งนี้แม้ผลกระทบด้านการเงินของธุรกิจครอบครัวที่มีต่อเศรษฐกิจระดับประเทศและระดับโลกจะมีความสำคัญอย่างมาก แต่การมีส่วนร่วมในการริเริ่มโครงการและการลงทุนด้าน ESG มีแนวโน้มที่จะช่วยเสริมอิทธิพลของธุรกิจในอนาคตได้ อีกทั้งธุรกิจครอบครัวยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจทั่วโลก และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเชิงบวกที่ได้รับการยอมรับเช่นกัน
ที่มา: Tharawat Magazine. 2023. Economic Impact of Family Businesses- A Compilation of Facts. Available: https://www.tharawat-magazine.com/facts/economic-impact-family-businesses/
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.familybusinessthailand.org
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,948 วันที่ 14 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2566