KEY
POINTS
วงการก่อสร้าง มักถูกมองว่าเป็นอาชีพสำหรับผู้ชาย แต่ยุคภาพเหล่านั้นเปลี่ยนไปมากในยุคปัจจุบัน ผู้หญิงหลายคนก้าวเข้ามาสร้างชื่อเสียงและพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสามารถของพวกเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย หนึ่งในนั้นที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลยคือ “นางสาวลิซ่า งามตระกูลพานิช” นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ “ลิซ่า งามตระกูลพานิช”
ไม่เพียงเป็นนายกสมาคมหญิงคนที่ 2 จากก่อนหน้าที่มีนางสุมาลี บุญพจนสุนทร เป็นนายกสมาคมหญิงคนแรกในช่วงปี พ.ศ. 2544-2545 แต่ยังสามารถครองตำแหน่งถึง 2 สมัยรวด ไม่เพียงเท่านั้น“ลิซ่า” ยังเป็นกรรมการในองค์กรวิชาชีพต่างๆ มากมาย ทั้งกรรมการสมาคมวิศวกรหญิงไทย เลขาธิการสมาพันธ์สมาคมการก่อสร้างแห่งอาเซียน และกรรมการบริหารสมาพันธ์ผู้ประกอบการก่อสร้างภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกฝั่งตะวันตก (IFAWPCA) และได้รับรางวัล ASEAN Outstanding Engineering Achievement – Contribution Award จาก ASEAN Federation of Engineering Organization (AFEO)
“ลิซ่า” จบการศึกษาปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยม) สาขาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จาก Tufts University รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา
และคว้าปริญญาโทถึง 2 ใบ คือ ปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ มหาบัณฑิต Master of Project Management จาก Northwestern University รัฐ Illinois ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาโท การจัดการภาครัฐและเอกชนมหาบัณฑิต (รอ.ม.) คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
“ลิซ่า”เล่าถึงเส้นทางการเติบโตสู่นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ว่า เข้ามาทำงานในวงการอุตสาหกรรมการก่อสร้างเกือบ 20 ปีแล้ว ซึ่งหลังกลับจากต่างประเทศ ช่วงนั้นไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสมาพันธ์ผู้รับเหมาก่อสร้าง 18 ประเทศ
ซึ่งในสมัยนั้น อดีตนายกสมาคมฯ ได้ขอให้เข้ามาช่วยสมาคมฯในการจัดงานนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้ามาทำงานที่สมาคมฯ และถือเป็นความโชคดีที่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่และสมาชิกที่อยู่ในสมาคมฯมาก่อนหน้านี้
"จากนั้น อดีตนายกสมาคมฯ หลายสมัยได้ชักชวนเข้ามาเป็นกรรมการและได้ทำงานในวงการก่อสร้าง ตลอดจนการช่วยเหลือผู้รับเหมามาเรื่อยๆ จากการร้องเรียนถึงประเด็นต่างๆ จึงคาดว่า จะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ได้รับความไว้วางใจ จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาได้รับคัดเลือกให้เป็นนายกสมาคมฯ คนที่ 20 ปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งนี้มาเป็นสมัยที่ 2 แล้ว” นางสาวลิซ่ากล่าว
ขณะที่การวางกลยุทธ์หรือยุทธ์ศาสตร์ของสมาคมฯนั้น ปัจจุบันสมาคมฯ ครบรอบ 96 ปี ถือเป็นหนึ่งในสมาคมการค้าที่ก่อตั้งมานาน ซึ่งได้วางเป้าหมายหลักคือ การยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย เนื่องจากวงการอุตสาหกรรมนี้มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียค่อนข้างเยอะ เช่น ผู้รับเหมา เจ้าของกิจการ ผู้ว่าจ้าง ฯลฯ
ด้านการทำงานนั้นต้องทำให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรมและเป็นผู้ชนะ หากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้จะทำให้อุตสาหกรรมนี้ไม่สามารถไปต่อได้ ซึ่งมองว่าสมาคมฯต้องเป็นผู้แทนในการหารือกับภาครัฐเพื่อประสานถึงประเด็นข้อร้องเรียนที่ผู้รับเหมาไม่ได้รับความเป็นธรรม
หากอุตสาหกรรมไปได้เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศจะดี พบว่า ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างมีสัดส่วน 4-7% ของจีดีพี หากในช่วงที่เศรษฐกิจดีทำให้ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างมีสัดส่วน เพิ่มขึ้นถึง 7%
“หากจะช่วยให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนี้ไปรอดได้ต้องขึ้นอยู่กับประเทศชาติและประชาชนที่ได้ประโยชน์ด้วย ซึ่งสมาคมฯพยายามผลักดันให้องคาพยพที่เกี่ยวกับการก่อสร้างไปต่อได้ ขณะที่ภาครัฐต้องได้งานที่ดีมีคุณภาพ การคอรัปชั่นลดลง และเพิ่มความปลอดภัยในงานมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งหลักๆที่วางเป้าหมายไว้ต้องไปให้ถึง”
นางสาวลิซ่าเล่าต่อว่า วงการอุตสาหกรรมนี้มีความยากในตัวอีกทั้งเป็นอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นผู้ชายเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้มาถึงตรงนี้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว แต่การมีคู่คิดที่ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆจะเป็นประโยชน์มากกว่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการทำงานในวงการอุตสาหกรรมฯนี้ คือ ความจริงใจในการแก้ปัญหา, เผชิญปัญหาและพร้อมรับฟังผู้อื่น จะทำให้การทำงานง่ายและราบรื่น ซึ่งคนคนเดียวไม่สามารถทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ ทุกอย่างต้องทำงานเป็นทีมเวิร์ค เมื่อถามถึงมองทิศทางของไทยเติบโตไปในทางไหนนั้น
“นางสาวลิซ่า” เล่าว่า อยากเห็นประเทศไทยเจริญขึ้น รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมีความโปร่งใสและมีความเป็นธรรมมากขึ้นกับทุกคน แม้แต่ผู้รับเหมารายเล็กสามารถประมูลงานและสร้างผลงานได้บนพื้นฐานที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ดี หลายครั้งผู้คนมักมองว่า สมาคมฯเป็นผู้หาผลประโยชน์ แต่สิ่งที่สมาคมฯต้องการ คือ การยกระดับอุตสาหกรรมการก่อสร้างไทย เมื่อผู้รับเหมารายใหญ่มีปัญหาก็ควรได้รับการแก้ไขอย่างเป็นธรรม
ขณะเดียวกันผู้รับเหมาขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล แหล่งเงินทุน ระเบียบต่างๆ ควรได้รับโอกาสเข้าถึงอย่างโปร่งใส เช่น การจัดชั้นผู้รับเหมา ควรมีความเป็นมืออาชีพ หากสามารถดำเนินการได้จะทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง