KCG โชว์เหนือ ทำนิวไฮ กวาดรายได้กว่า 7.7 พันล้าน กำไร 405 ล้าน

28 ก.พ. 2568 | 10:58 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.พ. 2568 | 14:37 น.

KCG เผยผลประกอบการปี 2567 รายได้ 7.74 พันล้านบาท โต 8.2% กำไร 405.8 ล้านบาท โต 32.7% เดินหน้าสยายปีกรุกตลาดไทย-ต่างประเทศ

นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ สัญชาติไทย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 มียอดขาย 7,743.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.2%  กำไรสุทธิ 405.8 ล้านบาท เติบโต 32.7% YoY 

โดยทั้งยอดขายและกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งนับจากก่อตั้งธุรกิจในปี 2501 หลังจากที่เคยทำสถิติสูงสุดไว้ในปี 2566 เชื่อมั่นผลประกอบการปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมเสนอจ่ายเงินปันผลรอบผลประกอบการปี 2567 หุ้นละ 0.41 บาท ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2568  

 

นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล

บริษัท ยังครองอันดับ 1 ส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์เนยและผลิตภัณฑ์ชีสในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 มียอดขาย 2,516.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% และมีกำไรสุทธิ 162.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 4 ของทุกปีเป็นฤดูกาลขายของบริษั

ซึ่งทั้งลูกค้าในกลุ่ม B2C และ B2B มีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง จากการจับจ่ายใช้สอยจากภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง (HORECA)

ยอดขายและกำไรในปี 2567 ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เคยทำสถิติสูงสุดไว้ในปี 2566 จากการการเติบโตของยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และทุกช่องทางการจำหน่าย และเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบผลประกอบการปี 2567 

ในอัตราหุ้นละ 0.41 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 55.1% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 53.4% โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2568 ต่อไป

ทั้งนี้ จากความมุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืน ส่งผลให้บริษัท ได้รับรางวัลสำคัญด้านความยั่งยืนจากหน่วยงานต่างๆ ในปี 2567 ดังนี้ 

1) ได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการ (CGR) ระดับ 5 ดาว หรือ "ดีเลิศ" (Excellent CG Scoring) ประจำปี 2567 ตั้งแต่ปีแรกหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

2) ได้รับการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ A และเป็นองค์ประกอบของ SETESG Index (SETESG Index Constituents)

3) ได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ ให้เป็น 1 ในหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 ที่ได้เข้าไปอยู่ในทำเนียบ ESG 100 เป็นครั้งแรก 

4) รางวัล Investors’ Choice Award 2567 ด้วยคะแนนประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี (AGM) 100 คะแนนเต็ม จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (Thai Investors Association)

ในปี 2568 บริษัท มีความมั่นใจที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากการดำเนินธุรกิจภายใต้แผนกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่ 1. Growth Strategy 2. Transition Strategy และ 3. Sustainable Strategy โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และทุกช่องทางการจำหน่าย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

เพื่อตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์สัญชาติไทย ที่มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจและขยายการเติบไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นายดำรงชัยสรุป