ศึกชิงกิจการเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-Eleven) กำลังร้อนระอุ เมื่อบริษัทแม่จากญี่ปุ่นตัดสินใจขอให้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ของไทย ร่วมทุนซื้อบริษัทออกจากตลาดหุ้น เพื่อสกัดกั้นการเข้ามาของทุนแคนาดา การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเกมชิงอำนาจทางธุรกิจ แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันระดับโลกที่ดุเดือด และการต่อสู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มทุน
7-Eleven ร้านสะดวกซื้อระดับโลกที่คนไทยคุ้นเคยกันดี มีเส้นทางธุรกิจที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและการต่อสู้ด้านอำนาจการบริหาร ล่าสุดกระแสข่าวร้อนแรงจากญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ครอบครัวผู้ก่อตั้ง 7-Eleven ในญี่ปุ่นกำลังหาทางซื้อกิจการคืน และหนึ่งในพันธมิตรสำคัญที่ถูกจับตามองคือ
7-Eleven ถือกำเนิดขึ้นในปี 1927 ที่สหรัฐ เริ่มจากธุรกิจขายน้ำแข็งของ Southland Ice Company ก่อนพัฒนาเป็นร้านสะดวกซื้อที่เปิดให้บริการ ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม จนกลายเป็นที่มาของชื่อ "7-Eleven" ซึ่งภายหลังได้ขยายเวลาเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วง ปี 1987-1991 บริษัทแม่ Southland Corporation ประสบปัญหาทางการเงินจนต้องขายหุ้นให้กับ Ito-Yokado กลุ่มธุรกิจค้าปลีกจากญี่ปุ่น ทำให้ 7-Eleven ตกเป็นของนักลงทุนญี่ปุ่นอย่างเต็มรูปแบบ และต่อมาได้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Seven & i Holdings
ยักษ์ใหญ่ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ส่งสัญญาณเตือนถึงความท้าทายทางธุรกิจ เมื่อรายได้ในญี่ปุ่นไตรมาส 2 /2567 ดิ่งลง 4% พร้อมยอดขายสาขาเดิมหดตัว 0.6% ต่อเนื่องสองเดือน
แม้รายได้จากต่างประเทศจะพุ่งสูงถึง 70% แต่กำไรกลับร่วงลงถึง 80% โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่เผชิญปัญหาเงินเฟ้อ ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิมลดลงยาวนานถึง 11 เดือนติดต่อกัน
ในญี่ปุ่น 7-Eleven ต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อรับมือสังคมผู้สูงวัย ทั้งการเปิดสาขาไร้พนักงาน ลดเวลาเปิดบริการ และย้ายทำเลเข้าสู่ชุมชน ขณะที่ยังเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนให้ขายสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพต่ำ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในแบรนด์
ข่าวการเข้าซื้อกิจการบริษัท Seven & i Holdings ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ 7-Eleven โดย Alimentation Couche-Tard บริษัท เอลิเมนเทชัน คูช-ทาช จากแคนาดา เริ่มต้นขึ้นเมื่อปีที่เเล้ว ข่าวนี้ได้สร้างความตกตะลึงในญี่ปุ่นอย่างมาก เพราะโดยปกติบริษัทญี่ปุ่นระดับยักษ์ใหญ่ไม่เคยถูกซื้อโดยบริษัทต่างชาติมาก่อน ในทางกลับกันบริษัทจากญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะซื้อกิจการบริษัทต่างชาติมากกว่า
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 Seven & i Holdings บริษัทแม่ของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในญี่ปุ่นและทั่วโลกรวมถึงไทย ตกเป็นเป้าหมายของการเข้าซื้อกิจการอีกครั้ง หลังได้รับคำเสนอซื้อกิจการจากยักษ์ค้าปลีกสัญชาติแคนาดา Alimentation Couche-Tard ซึ่งบริหารร้านสะดวกซื้อกว่า 1.7 หมื่นสาขา ใน 30 ประเทศ
จากคำยืนยันของ Seven & i ระบุว่า Alimentation Couche-Tard มีการยื่นข้อเสนอ โดยขอเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ว่ากันว่า หากข้อเสนอครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะมีมูลค่าอยู่ที่ 5.63 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 3.84 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นดีลซื้อกิจการญี่ปุ่นครั้งที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาโดยบริษัทต่างชาติ และเป็นการเข้าซื้อกิจการระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด
Alimentation Couche-Tard จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต มูลค่าตลาดกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา เตรียมควบรวมกิจการกับ Seven & i จากญี่ปุ่น หากรวมยอดขายของทั้งสองบริษัท Couche-Tard ที่ทำได้ 6.92 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณล่าสุด และ Seven & i ที่ทำได้ 11 ล้านล้านเยน สิ้นสุดปีงบฯ (สิ้นสุดกุมภาพันธ์ 67) จะสร้างยอดขายรวมทะลุ 20 ล้านล้านเยน
รายงานระบุว่า Alimentation Couche-Tard เคยยื่นคำเสนอซื้อกิจการ Seven & i Holdings มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2020 รวมถึงเคยเป็นคู่แข่งกับ Seven & i Holdings ในการซื้อกิจการ Speedway เชนปั๊มน้ำมันในสหรัฐด้วย
การเติบโตของ 7-Eleven ในไทย
ย้อนกลับไปเมื่อ 34 ปีก่อน คนไทยยังคงคุ้นเคยกับการจับจ่ายสินค้าจากร้านโชห่วยมากกว่า แต่แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เข้าสู่ยุคร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ มองเห็นโอกาสในการนำเข้าแฟรนไชส์ 7-Eleven มาสู่ทย
การเจรจากับบริษัทแม่ของ 7-Eleven ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในขณะนั้นไทยถูกมองว่ามีกำลังซื้อต่ำเกินไป อย่างไรก็ตาม CP ใช้กลยุทธ์โน้มน้าวโดยเน้นว่า ต้นทุนค่าดำเนินงานในไทยถูกกว่าสหรัฐฯ มาก ประกอบกับการเชิญผู้บริหารจากอเมริกามาสัมผัสตลาดไทยโดยตรง ทำให้ในที่สุด CP สามารถคว้าแฟรนไชส์ 7-Eleven มาครองได้สำเร็จ
7-Eleven สาขาแรกของไทยเปิดตัวเมื่อ วันที่ 1 มิถุนายน 2532 ที่หัวมุมถนนพัฒน์พงศ์ แม้จะต้องเผชิญปัญหาขาดทุนช่วงแรกเพราะผู้บริโภคยังไม่คุ้นเคยกับแนวคิดร้านสะดวกซื้อ แต่ CP ใช้เวลาศึกษากลยุทธ์จากอเมริกาและญี่ปุ่น พร้อมปรับให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคไทย จนสามารถพลิกสถานการณ์ได้สำเร็จ
การเติบโตของ 7-Eleven ในไทยไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเป็นร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง แต่เพราะ CP ใช้กลยุทธ์ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น