นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group กล่าวว่า WHA Group ได้จัดงาน “WHA Open House 2024: Explore – Discover – Shape the Future เป็นการเปิดบ้านครั้งแรก เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ WHA Group ในฐานะต้นแบบของธุรกิจที่นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อสร้างและพัฒนาการเติบโตของอุตสาหกรรมระดับโลก จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันอย่างสมดุล ประกอบด้วย โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม การจัดการน้ำและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ WHA: WE SHAPE THE FUTURE และความมุ่งมั่นในการเป็น Tech-Driven Organization
ทั้งนี้ในการกำหนดกรอบกลยุทธ์ 4 กลุ่มธุรกิจของ WHA Group จะมอง 3 ด้าน คือ เมกะเทรนด์ของโลก , ภูมิรัฐศาสตร์ และความยั่งยืน กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ นั้น WHA Group มีพื้นที่ 3.1 ล้านตารางเมตร 70 โลเคชัน มีลูกค้า 200 ราย โดยมีการนำเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการขนส่งและจัดการคลังสินค้า ทั้ง Smart Warehouse: ใช้ IoT และ AI ในการตรวจสอบและจัดการสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความเร็วในการดำเนินงาน
AI-Powered Logistics: ใช้ AI ในการวางแผนเส้นทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดระยะทาง ลดเวลาขนส่ง และลดต้นทุนพลังงาน และ EV Fleet Management: แพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการรถยนต์ไฟฟ้าในระบบโลจิสติกส์ ลดต้นทุนการขนส่งและสนับสนุนความยั่งยืน
กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดย WHA Group มีนิคมอุตสาหกรรม 13 แห่ง บนพื้นที่รวมกว่า 78,000 ไร่ โดย 12 แห่ง ตั้งอยู่ในประเทศไทย มีแผนเพิ่มอีก 4 แห่ง และอีก 1 แห่งในเวียดนาม ที่มีแผนเพิ่มอีก 3 แห่ง โดยขณะนี้มีฐานลูกค้าใหญ่ยังเป็นญี่ปุ่น มีสัดส่วน 27% และลูกค้าจากจีน เติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยขณะนี้มีสัดส่วน 23% โดย WHA Group สามารถดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติได้กว่า 1.6 ล้านล้านบาท พร้อมสร้างงานกว่า 80,000 ตำแหน่ง โดย 80% ของผลผลิตจากนิคมมุ่งเน้นการส่งออก ซึ่งช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับประเทศ
โดย WHA Group นำเทคโนโลยี IoT และ AI มาใช้ใน Smart Eco-Industrial Estate เพื่อบริหารจัดการน้ำ พลังงาน และขยะในพื้นที่นิคม พร้อมทั้งดำเนินโครงการ Zero Waste to Landfill เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีพัฒนาโดรน เพื่อตรวจสอบโซลาร์ฟาร์มบนหลังคา โดยมี AI สามารถตรวจสอบการใช้พลังงาน
กลุ่มธุรกิจการจัดการน้ำและพลังงานของ WHA Group มีการจัดการน้ำกว่า 170 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี พร้อมทั้งพัฒนาระบบรีไซเคิลน้ำที่ช่วยลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและลดต้นทุน นอกจากนี้ WHA Group ผลิตพลังงานทั้งหมด 957 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพลังงานดั่งเดิม 528 เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียน 429 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าขยายกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
และ ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม WHA Group ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย เช่น Smart Warehouse, ระบบ AI สำหรับการบริหารจัดการโลจิสติกส์ และ Super App ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการข้อมูลและวางแผนธุรกิจได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เช่น สถานีชาร์จและระบบจัดการ EV Fleet เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
นางสาวจรีพร กล่าวต่อไปว่า WHA Group เริ่มทรานฟอร์มธุรกิจสู่ Tech Company ตั้งแต่ปี 2560 โดยเริ่มจากการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เปลี่ยนกรอบความคิด มีการอัพสกิลรีสกิล การร่วมมือกับพันธมิตร ควบคู่ไปกับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานไอที และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของตัวเองขึ้นมา จนวันนี้บริษัทก้าวเข้าสู่บทบาทการเป็น Tech Company อย่างเต็มตัว ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาปรับใช้ในทุกมิติของธุรกิจ
“ปีนี้ WHA Group ใช้งบประมาณ 160 ล้านบาท พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยมีโครงการพัฒนา AI 12 โครงการ มีโปรเจ็กต์ทั้งหมด 38 โปรเจ็กต์ และมีแอปพลิเคชันใหม่เกิดขึ้นมา 50 แอปพลิเคชัน”
อย่างไรก็ตามมองว่ายังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเป็น Tech Company โดยสามารถสร้างเทคโนโลยีของตัวเองขึ้นมา แต่การพัฒนาเทคโนโลยีไม่มีจุดสิ้นสุด มีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีตลอดเวลา ปีนี้เรายังมีสู่การเป็น AI ทรานสฟอร์เมชัน และวางเป้าหมายสู่องค์กร Tech-Driven Organization ในปีหน้า ซึ่งถ้าบริษัทมาถูกทางคาดว่ารายได้จาก ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม จะเติบโตขึ้นเป็น 2 เท่า และ ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ต้องช่วยสร้างให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงธุรกิจใหม่ๆ
WHA Group วางเป้าหมายที่ชัดเจนในการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างระบบเศรษฐกิจที่คำนึงถึงทรัพยากรในระยะยาว โดยวางเป้าหมายสู่ Net Zero ภายในปี 2029: บริษัทตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1 และ Scope 2 ให้ได้ 37% ภายในปี 2029 และ 42% ในปี 2030 พร้อมขยายการใช้พลังงานหมุนเวียนในทุกกลุ่มธุรกิจ
ลดการใช้น้ำจากธรรมชาติ: พัฒนาโครงการรีไซเคิลน้ำที่ช่วยลดการใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติได้ถึง 25 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และช่วยลดต้นทุนการซื้อน้ำใหม่ได้กว่า 290 ล้านบาท
EV Logistics: บริษัทตั้งเป้าให้มียานพาหนะไฟฟ้าในระบบโลจิสติกส์ถึง 20,000 คันในปี 2029 ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 280,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 32 ล้านต้น
Circular Economy: ส่งเสริมการรีไซเคิลและการจัดการขยะในนิคมอุตสาหกรรมผ่านโครงการ Zero Waste to Landfill เพื่อสร้างระบบที่ลดของเสียและเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากร