บีเจซี ปิดปี 67 โกยรายได้ 1.7 แสนล้าน กำไร 4 พันล้าน ลดลง 16.5%

28 ก.พ. 2568 | 13:55 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.พ. 2568 | 14:00 น.

บีเจซี เผยผลประกอบการปี 67 ทำรายได้รวม 1.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้น 4,001 ล้านบาทด ลดลง 16.5%

รายงานข่าวจากบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยว่า ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 170,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากปีก่อนหน้า โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้อยู่ที่ 12,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.9% จากปีก่อน กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้น 4,001 ล้านบาท ลดลง 16.5% จากปีก่อน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น

โดยรายได้รวมในไตรมาส 4/67 เท่ากับ 44,332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,070 ล้านบาทจากปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3,878 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 16.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอยู่ที่ 1,644 ล้านบาท เติบโตขึ้น 0.4% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่เติบโตขึ้น และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มสินค้าและบริการ รวมไปถึงการจัดทำโครงการลดต้นทุนต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในปี 2567 มียอดขายรวม 25,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 6,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.7% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

บีเจซี ปิดปี 67 โกยรายได้ 1.7 แสนล้าน กำไร 4 พันล้าน ลดลง 16.5%

กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค มียอดขายในไตรมาส 4/67 รวม 5,266 ล้านบาท ลดลง 80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า

กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค มียอดขายในไตรมาส 4/67 รวม 2,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากยอดขายกลุ่มเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการออกสินค้าใหม่ และได้รับประโยชน์จากงบประมาณของภาครัฐ

กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ มียอดขายในไตรมาส 4/67 รวม 30,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 829 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 26,935 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 830 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.2% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมในไตรมาสอยู่ที่ 2.2% (1.5% เมื่อไม่รวมยอดขายสินค้าบีทูบี)

บีเจซี ปิดปี 67 โกยรายได้ 1.7 แสนล้าน กำไร 4 พันล้าน ลดลง 16.5%

ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในหมวดสินค้าอาหารสด (Fresh Food) และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในหมวดสินค้าอาหารแห้ง (Dry Food) ในระหว่างไตรมาส ขณะที่รายได้อื่นอยู่ที่ 3,211 ล้านบาท ลดลง 57 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.7% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ค่าเช่าและการให้บริการ

โดยรายได้รวมในกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ประจำปี 2567 อยู่ที่ 116,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,264 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.0% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 103,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,434 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเปิดสาขาที่เพิ่มขึ้น

ในขณะที่ การเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมลดลง 0.8% (0.02% เมื่อไม่รวมยอดขายสินค้าบีทูบี) ในขณะเดียวกันรายได้อื่นอยู่ที่ 12,737 ล้านบาท ลดลง 203 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ค่าเช่าและการให้บริการและรายได้อื่น

กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ยังคงขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4/67 โดยได้เปิดบิ๊กซี ฟู้ดเพลสจำนวน 4 สาขา บิ๊กซี มินิจำนวน 16 สาขา (รวมบิ๊กซี มินิจำนวน 2 สาขาในประเทศกัมพูชา) ร้านขายยาเพรียวจำนวน 3 สาขา ตลาด Open-air จำนวน 1 สาขา ร้านกาแฟวาวีจำนวน 1 สาขา และร้านหนังสือเอเซียบุ๊คส์จำนวน 1 สาขา

บีเจซี ปิดปี 67 โกยรายได้ 1.7 แสนล้าน กำไร 4 พันล้าน ลดลง 16.5%

ในระหว่างไตรมาสมีการปิดบิ๊กซิ ไฮเปอร์มาร์เก็ตที่กำลังจะหมดสัญญาเช่าจำนวน 1 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี ราษฎ์บูรณะ โดยหลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว บริษัทได้ตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญาเช่าของร้านค้าสาขาดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีสาขาอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงที่สามารถรองรับลูกค้าได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้บริษัทได้ปิดบิ๊กซี มาร์เก็ตจำนวน 1 สาขา บิ๊กซี มินิจำนวน 2 สาขา บิ๊กซี ฮ่องกงจำนวน 3 สาขา

ร้านขายยาเพรียวจำนวน 2 สาขา และร้านกาแฟวาวีจำนวน 4 สาขา ส่งผลให้เครือข่ายร้านค้าของบริษัทมีร้านค้าไฮเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 155 สาขา (รวมบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์จำนวน 1 สาขาในประเทศกัมพูชา และ 1 สาขาในประเทศลาว) ร้านค้าขนาดซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 52 สาขา (บิ๊กซี มาร์เก็ตจำนวน 34 สาขา และบิ๊กซี ฟู้ดเพลสจำนวน 16 สาขาในประเทศไทย และ 2 สาขาในประเทศกัมพูชา)

ร้านค้าบิ๊กซี ฮ่องกงจำนวน 14 สาขา ร้านค้าบิ๊กซี มินิจำนวน 1,616 สาขา (รวมสาขาแฟรนไชส์ในประเทศไทยจำนวน 77 สาขา และบิ๊กซี มินิจำนวน 18 สาขาในประเทศกัมพูชา) บิ๊กซี ดีโป้จำนวน 11 สาขา บิ๊กซี ฟู้ดเซอร์วิสจำนวน 7 สาขา ตลาด Open-Air จำนวน 9 สาขา ร้านขายยาเพรียวจำนวน 146 สาขา ร้านกาแฟวาวีจำนวน 43 สาขา

ร้านหนังสือเอเชียบุ๊คส์จำนวน 69 สาขา ในขณะที่เครือข่ายร้านค้าโดนใจมีจำนวน 10,773 สาขา ณ สิ้นปี 2567 และแพลตฟอร์ม Omnichannel ของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจำนวนการดาวน์โหลดแอป Big C PLUS ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทและแพลตฟอร์มอื่น (3rd party) ในปี 2567