ภาคเอกชน เชื่อ AI พลิกโฉมธุรกิจไทย เพิ่มประสิทธิภาพ 10 เท่า

27 พ.ย. 2567 | 06:48 น.

ผู้บริหารระดับสูงเผยกลยุทธ์การใช้ AI ในธุรกิจไทย ทั้งการแพทย์ อสังหาฯ และการตลาด เพิ่มประสิทธิภาพ 10 เท่า พร้อมแนะวิธีรับมือความเสี่ยง

การเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันสูงและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แม้ประเทศไทยจะติดอันดับ 43 ของโลกด้านความสามารถด้าน AI จากการจัดอันดับ Global AI Index ปี 2024 จาก 83 ประเทศทั่วโลก แต่ผู้ประกอบการ SME ไทยยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านและมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี

นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป จำกัด (MI) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การนำ AI มาใช้ในธุรกิจเอเจนซี่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก โดยช่วยเพิ่มทางเลือกของข้อมูลและคำตอบ รวมถึงการวางกลยุทธ์และค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

“แต่ละสายงานในองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้แตกต่างกัน เช่น นักวางแผนสื่อจะได้รับข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น ขณะที่สายงานที่เกี่ยวข้องกับการทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียสามารถใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาเบื้องต้นและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ สายงานด้าน creative ยังสามารถใช้ AI ในการปรับแต่งภาพและตัดต่อได้อย่างรวดเร็วและตรงตามความต้องการของลูกค้า” นายภวัตกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร MI เตือนว่าการนำ AI มาใช้มีความเสี่ยงที่ต้องระวัง โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยของข้อมูลและการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ AI “แม้ว่า AI จะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ก็มีโทษมหันต์หากใช้งานผิดวิธี

ดังนั้นจึงควรใช้ AI เป็นเครื่องมือที่สามารถควบคุมได้ โดยต้องใช้ทักษะของเราในการตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลที่ได้จาก AI เนื่องจาก AI เกิดจากการเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก เราจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่า AI ที่สร้างขึ้นมานั้นจะถูกต้อง 100%”

ด้านการแพทย์และสาธารณสุข แพทย์หญิงณัฐธิดา แสงปราสาท ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวิมุต เปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้นำ AI มาใช้ตั้งแต่เปิดทำการเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากการใช้ในการอ่านผลเอ็กซเรย์และวิเคราะห์โรคต่างๆ ร่วมกับการวินิจฉัยของแพทย์

“AI ช่วยให้การตรวจคนไข้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดระยะเวลาในการตรวจรักษา ตรวจได้เยอะขึ้น มากกว่าการตรวจแบบแมนนวลโดยคุณหมอเพียงอย่างเดียว” แพทย์หญิงณัฐธิดากล่าว พร้อมระบุว่าล่าสุดโรงพยาบาลได้พัฒนา ‘AN AN Bot’ ซึ่งเป็น AI medical chatbot ที่ช่วยให้คำปรึกษาและตอบคำถามของผู้ป่วยในเบื้องต้น

โฮมสุขภัณฑ์ พัฒนา AI สร้างการเติบโต

ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และวัสดุสุขภัณฑ์ตกแต่งบ้าน ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ประสิทธิภาพและความแม่นยำ ในการดำเนินธุรกิจเพื่อความคล่องตัวและการแข่งขันทางการตลาด

นายนพ อนุรุทธิ์เนตรศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม สุขภัณฑ์ จํากัด (มหาชน) ศูนย์จัดจำหน่ายกระเบื้องสุขภัณฑ์ สินค้า วัสดุตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน รายใหญ่ทางภาคเหนือเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับด้านเอไอ เพื่อยกระดับ การทำธุรกิจ ให้เกิดความคล่องตัว

ล่าสุด บริษัทมีทีมเอไอขึ้นมาเพื่อ เขียนโปรแกรม โดยมีระบบเกี่ยวกับเรื่องคลังสินค้า ซึ่งได้พัฒนา โปรแกรม และป้อนคำสั่ง ในการจัดการสินค้าเข้าสู่ระบบคลังสินค้า ซึ่งพนักงาน สามารถส่งสินค้าออกมาได้เป็นระบบ และรวดเร็วขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ทั้งนี้ การเขียนโปรแกรม และซอฟแวร์ บริษัท ใช้สำหรับการบริหารจัดการ ในการซื้อสินค้า การจัดส่งสินค้า การจัดการในเรื่องของการแลกแต้มรางวัล โดยพัฒนาหลายโปรแกรม พร้อมดูแลหลังการขาย แบบครบวงจร จากคลังสินค้า 30,000 ตารางเมตร ที่มีศักยภาพรองรับ การกระจายสินค้าและการขาย

อสังหาฯใช้AIดูแลหลังการขาย

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท 
อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN กล่าวว่า อนันดาฯได้ให้ความสำคัญด้าน
เอไอ ในการบริการหลังการขายเป็นสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญ ภายใต้ “Ananda Sure” ซึ่งพัฒนาแพลตฟอร์มที่เกิดจากการรวมเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ากับมาตรฐานการบริการที่เข้มงวดและครอบคลุมทุกด้านเพื่อรับรองว่าทุกเรื่องราวของการอยู่อาศัยจะได้รับการดูแลและจัดการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

“ใช้โปรแกรม ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ หลังลูกบ้านเอข้าอยู่อาศัย เพราะเชื่อว่าการบริการที่ดีจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีไปตลอดได้ การอยู่อาศัย และสร้างความพึงพอใจความปลอดภัยให้กับลูกค้า”

ด้านนายสิทธิ เทียมเมฆา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี บริษัท เอเมทเวิร์คส์ จำกัด ยังเปิดเผยถึงการบริการลูกบ้านหลังการส่งมอบ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยระบบ AI Chat Platform ที่ใช้ในการสื่อสารกับลูกบ้านช่วยให้การบริการเป็นไปอย่างราบรื่น ลูกบ้านสามารถติดต่อทีมงานได้ทันทีทุกช่วงเวลาผ่านแชทบอทที่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลส่วนตัว

รวมถึงยังเป็นการรวมข้อความของผู้ที่ติดต่อเข้ามาจากหลากหลายช่องทางของโซเชียลมีเดียไว้ในแพตฟอร์มเดียวกัน เพื่อความสะดวกสำหรับแอดมินในการตรวจสอบ และการตอบกลับระบบยังสามารถแจ้งเตือนเรื่องสำคัญ เช่น การชำระค่าบำรุงรักษาหรือการส่งพัสดุ ทั้งยังสามารถจัดการโปรไฟล์ลูกบ้านและข้อเสนอพิเศษได้อย่างตรงจุด ซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจและการรักษาลูกบ้านในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เช่นเดียวกับ นายวรรณเทพ หรูวิจิตร CEO บริษัท ไอคอน เฟรมเวิร์ค จำกัด ได้กล่าวถึงการนำ AI มาใช้ในทั้งกระบวนการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก้าวหน้ามากขึ้น ในกระบวนการพัฒนาและการทำการตลาด เทคโนโลยี AI ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการจอง การทำสัญญา ไปจนถึงการจัดการชำระเงินและการตรวจสอบโครงการ

โดย AI Generative Analytics Dashboard จะช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การซื้อ และยังสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าในด้านอื่นๆ เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลจับคู่ลูกค้าแต่ละรายกับแบงก์ที่เหมาะสม เพื่อลดปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อ

นอกจากนี้ AI ยังสามารถเก็บข้อมูลโครงการอื่นๆ ที่ลูกค้าอาจจะสนใจเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูล
คู่แข่งได้ อีกทั้งสามารถทำการตลาดที่เฉพาะเจาะจงให้กับคนที่มีสนใจความสนใจต่างกัน เช่น ลูกค้าสนใจเรื่องครัว เครื่องครัว และสามารถยิง Ads ที่เหมาะสมกับความสนใจของคนๆ นั้นได้ ขณะเดียวกัน AI Chatbot สามารถติดต่อและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้เร็วขึ้น พร้อมการทัวร์โครงการเสมือนจริง (Virtual Reality) ที่ทำให้ผู้ซื้อสามารถเข้าถึงโครงการได้จากที่ใดก็ได้

Application อัจฉริยะตอบสนองการตลาด

นางสาวนารีรัตน์ แซ่เตียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท อินไซท์เอรา จำกัด เผยว่าธุรกิจองค์กรทุกขนาดกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยเฉพาะด้าน AI และ Application อัจฉริยะที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ

ผู้นำองค์กรควรเตรียมความพร้อมใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การตั้งเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ การจัดสรรทรัพยากรที่เหมาะสม และการติดตามวัดผลอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเลือกใช้ Generative AI ได้ 4 รูปแบบ คือ การใช้แอปพลิเคชันที่มี AI ฝังในตัว การนำ API ของ AI มาฝัง การปรับแต่งโมเดล AI และการพัฒนาโมเดล AI เฉพาะองค์กร

นอกจากนี้ การนำ AI มาใช้ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัย 5 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ การกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน การมีระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การบูรณาการเข้ากับกระบวนการทำงาน และการมีบุคลากรที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน”