แจกเงินดิจิทัล เฟส 2 “คลัง” ถกบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ 19 พ.ย.นี้

13 พ.ย. 2567 | 13:25 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2567 | 13:25 น.
2.6 k

คลังเผย 19 พ.ย.นี้ ประชุมนัดแรกบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ถกแนวทางดันจีดีพีโตเกิน 3% ลุยแจกเงินดิจิทัล เฟส 2 แก้หนี้ครัวเรือน ระบุยังไม่ทราบผลคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท.

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก ซึ่งมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยจะมีการหารือกันในหลายประเด็น ทั้งเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจ การลงทุน และเรื่องอื่นๆ เพราะการทำให้เศรษฐกิจขยายตัวถือว่าเป็นส่วนสำคัญ โดยรัฐบาลอยากเห็นเศรษฐกิจเติบโตให้เกินกว่า 3%

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ ในที่ประชุมจะมีการหารือแนวทางโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ถึงเรื่องหลักเกณฑ์ที่จะดำเนินการในระยะต่อไป เพราะรัฐบาลเพิ่งเติมเงินให้กลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคนเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และจะต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมจะทำมาตรการนี้ด้วย

“การเดินหน้าแจกเงินดิจิทัล เฟส 2 ถ้าจริงๆ หากเศรษฐกิจโตก็ยังไม่ต้องใช้ แต่ถ้าเศรษฐกิจยังไม่โตก็ต้องทำในมาตรการนี้ ซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้นต่อไป”

สำหรับดิจิทัล วอลเล็ต เป็นเครื่องมือที่ได้ประโยชน์หลายด้าน ทำให้คนได้เรียนรู้ระบบดิจิทัล ก็สามารถที่จะเชื่อมกับนโยบายภาครัฐได้ ซึ่งเป็นนโยบายหลัก ๆ ที่เราอยากเห็น แต่ต้องดูความพร้อมของระบบ ถ้าในช่วงเวลาที่จะใช้มาตรการระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลมีความพร้อมก็อาจจะพิจารณาใช้ในส่วนนี้ได้ 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะมีการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งได้มีการหารือกับสถาบันการเงินมาแล้ว โดยสิ่งที่รัฐบาลทำ คือ เข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้เก่า เช่น การให้จ่ายหนี้ลดลง การยืดหนี้ เพื่อลดภาระของลูกหนี้ ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้สามารถไปต่อได้  และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเร่งทำ คือ การผลักดันให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อให้มากขึ้น โดยต้องแก้ปัญหาหนี้เก่า 

“สิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นคือการเข้าไปช่วยให้ประชาชน มีภาระการผ่อนลดลง แต่ตัวหนี้เท่าเดิม เพื่อไม่ให้สร้างวินัยทางการเงินที่ไม่ถูกต้อง ยืนยันว่าจะไม่มีการแฮร์คัท ลดตัวหนี้ เพราะเรื่องแฮร์คัทที่ผ่านมา เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เป็นการคุยกันระหว่างลูกหนี้กับสถาบันการเงินแต่ละรายมากกว่า”

ทั้งนี้ ในข้อเสนอใหญ่ ๆ ได้มีการหารือกันแล้ว ยังเหลือบางเรื่องที่ต้องตกลงในรายละเอียด ซึ่งส่วนตัวอยากให้จบเร็วที่สุด ถ้าจบก็เสนอให้คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เลย  แต่ถ้าไม่จบ ก็ต้องรายงานความคืบหน้า ส่วนข้อเสนอของสถาบันการเงินในการลดเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ลง 0.23% นั้น ถือเป็นรายละเอียดใหญ่ ๆ ที่มองว่าหากเป็นเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนก็ต้องทำ

ขณะที่การสรรหาประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีกระแสเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานผลการสรรหา จากคณะกรรมการสรรหาฯ และส่วนตัวยังไม่ทราบรายละเอียด ทราบจากข่าวเช่นเดียวกัน