"ส.อ.ท." แนะรัฐดึงอีคอมเมิร์ซต่างชาติจดทะเบียนในไทย แก้สินค้าถูกทุบตลาด

21 ต.ค. 2567 | 16:24 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ต.ค. 2567 | 16:24 น.

"ส.อ.ท." แนะรัฐดึงอีคอมเมิร์ซต่างชาติจดทะเบียนในไทย แก้สินค้าถูกทุบตลาด หลังผู้บริหารเอกชนกว่า 35.1% ระบุมียอดขายลดลง ขณะที่บางสินค้าไม่มีคุณภาพ ทำให้ผู้บริโภคสูญเสียเงิน รวมถึงเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 41 ในเดือนตุลาคม 2567 ภายใต้หัวข้อ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายสินค้าราคาถูกบุกไทย อุตสาหกรรมจะรับมืออย่างไร พบว่าผู้บริหาร ส.อ.ท. ที่ตอบแบบสำรวจถึง 35.1% มียอดขายลดลงจากการเข้ามาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายสินค้าถูกจากต่างประเทศ 

โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่ขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซบางรายการอาจเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ หรือไม่ตรงปก ทำให้ผู้บริโภคสูญเสียเงิน รวมถึงมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยในการบริโภคสินค้าด้วย 

ดังนั้นผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอให้ภาครัฐกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศจะต้องจดทะเบียนนิติบุคคลและมีสำนักงานในไทยเพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเคร่งครัด รวมถึงกำหนดให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรับผิดชอบในการคืนสินค้า กรณีสินค้าไม่ได้คุณภาพหรือไม่ตรงปก
 

อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ยังมองว่า สินค้าไทยยังสามารถแข่งขันกับสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้ แต่ผู้ประกอบการไทยจะต้องเร่งปรับตัวเพื่อพัฒนาและสร้างจุดแข็งให้กับสินค้า โดยเฉพาะการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ การนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมายกระดับกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจในการส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศและการเปิดตลาดไปยังต่างประเทศ

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 175 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 41 จำนวน 6 คำถาม ประกอยด้วย

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายสินค้าราคาถูกส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าอย่างไร

  • ไม่ได้รับผลกระทบ 47.4%
  • ลดลง  35.1%
  • เพิ่มขึ้น 17.5%

"ส.อ.ท." แนะรัฐดึงอีคอมเมิร์ซต่างชาติจดทะเบียนในไทย แก้สินค้าถูกทุบตลาด

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายสินค้าราคาถูกมีผลกระทบเชิงบวกอย่างไร

  • เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการเข้าถึงสินค้าจากโรงงานโดยตรงไม่ผ่านคนกลาง 65.7%
  • เร่งให้ผู้ประกอบการไทยต้องมีการปรับตัวพัฒนาธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) 64.0%
  • ส่งเสริมตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศให้ขยายตัว ตลอดจนส่งเสริม    26.3%
  • ช่วยลดต้นทุนในการบริหารสินค้าคงคลังให้แก่ผู้ประกอบการที่สั่งสินค้ามาจำหน่ายในประเทศ 13.1%
     

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายสินค้าราคาถูกจะส่งผลกระทบเชิงลบในเรื่องใด

  • สินค้าที่ไม่มีมาตรฐานและคุณภาพเข้ามาในประเทศส่งผลถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคและทำให้เกิดภาระในการกำจัดขยะ 61.7%
  • ไม่สามารถแข่งขันด้านราคาและทำให้ถูกแย่งส่วนแบ่งการตลาด 44.6%
  • ความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมในประเทศ 41.7%
  • กระทบต่อกำไรของผู้ประกอบการในประเทศ เนื่องจากต้องปรับลดราคาและต้นทุนเพื่อแข่งขัน 26.9%

ภาครัฐควรมีการกำกับดูแลผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างไร 

  • กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศต้องจดทะเบียนนิติบุคคลและมีสำนักงานในไทย เพื่อจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 67.4%
  • บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเคร่งครัด เปิดช่องทางให้ร้องเรียนได้สะดวกและกำหนดให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม บริหารจัดการการคืนสินค้ากรณีสินค้าไม่ได้คุณภาพหรือไม่ตรงปก 46.9%
  • บังคับให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต้องมีการแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน รวมทั้งฉลากบนแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ 45.1%
  • ควรมีการตรวจสอบการใช้ระบบชำระเงิน (Payment) ออกไปยังต่างประเทศโดยบังคับให้เข้าสู่ระบบที่ถูกต้องและอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 26.3%

ภาคเอกชนควรปรับตัวรับมือกับการเข้ามาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขายสินค้าราคาถูกอย่างไร

  • พัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์และการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมายกระดับกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ 57.7%
  • สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจในการส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศและการเปิดตลาดสินค้า 48.6%
  • การใช้แนวคิดความคิดสร้างสรรค์ (Creative & Design) เพื่อสร้าง เอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์และให้ความสำคัญกับการจดสิทธิบัตร 34.9%
  • การสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับและพัฒนาบริการหลังการขาย 32.0%

อุตสาหกรรมสามารถแข่งขันกับสินค้าราคาถูกที่เข้ามาผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้หรือไม่

  • สามารถแข่งขันได้ 80.7%
  • ไม่สามารถแข่งขันได้ 19.3%

ทั้งนี้ ไม่นำกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่มีสินค้าขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมาคำนวณ