ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ (World Bank) รายงานอัปเดตเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (East Asia and Pacific Economic Update) โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 4.8% ในปี 2567 แต่จะชะลอตัวลงเหลือ 4.4% ในปี 2568
ทั้งนี้ คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จะลดลงจาก 4.8% ในปีนี้ เหลือ 4.3% ในปี 2568 ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงอ่อนแอ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุนอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงความท้าทายเชิงโครงสร้าง เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และสถานการณ์ความขัดแย้งในระดับโลก
อย่างไรก็ดี ยังคาดการณ์ด้วยว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในส่วนอื่น ๆ ของภูมิภาคจะอยู่ที่ 4.7% ในปี 2567 และ 4.9% ในปี 2568 จากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัว และการกลับมาของการท่องเที่ยว
ขณะที่ประเทศขนาดใหญ่ มีเพียงอินโดนีเซียเท่านั้นที่คาดว่าการเติบโตในปี 2567 และ 2568 จะอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 หรือสูงกว่านั้น ในขณะที่การเติบโตในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม คาดว่าจะต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด
โดยเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.4% ในปี 2567 และ 3.0% ในปี 2568 เทียบกับรายงานเมื่อเดือนเมษายนที่คาดว่าจะขยายตัว 2.8% และ 3.0%
ด้านกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก คาดเศรษฐกิจจะเติบโต 3.5% ในปี 2567 และ 3.4% ในปี 2568 เนื่องจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แต่การเติบโตของการลงทุนยังคงอ่อนแอทั่วทั้งภูมิภาค
มานูเอลา วี เฟอโร รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวว่า ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกยังคงเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม การเติบโตเริ่มชะลอตัว ดังนั้นเพื่อรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะกลางไว้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะต้องดำเนินการเชิงรุกในการปรับปรุงและปฏิรูปเศรษฐกิจของตนให้ทันสมัยเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบทางการค้าและเทคโนโลยี