รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุนพุ่ง 1.5 แสนล้าน หนุนเม็ดเงินลงเศรษฐกิจ

02 ส.ค. 2567 | 16:46 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ส.ค. 2567 | 16:47 น.

สคร.เผยรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุน เดือน มิ.ย.67 พุ่ง 1:5 แสนล้านบาท พร้อมติดตามใกล้ชิด หนุนเม็ดเงินลงเศรษฐกิจ

นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า
การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในการกำกับดูแลของ สคร. จำนวน 43 แห่ง โดยมีรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีบัญชีตามปีงบประมาณ (รัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ) จำนวน 34 แห่ง และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีบัญชีตามปีปฏิทิน (รัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน) จำนวน 9 แห่ง

นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)

ซึ่งรวมมีการเบิกจ่ายงบลงทุนจนถึงเดือนมิถุนายน 2567 แล้วจำนวน 150,401 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 116 ของแผนการเบิกจ่าย 

ทั้งนี้ แบ่งเป็น 

  • การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 - เดือนมิถุนายน 2567) จำนวน80,190 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 102 ของแผนการเบิกจ่าย 
  • รัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน (เดือนมกราคม 2567 -เดือนมิถุนายน 2567) จำนวน 70,211 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 139 ของแผนการเบิกจ่าย

ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจปีงบประมาณที่เบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ของแผนการเบิกจ่ายและมีมูลค่าสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่

  • การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
  • การประปานครหลวง 

ส่วนรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินที่เบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ของแผนการเบิกจ่ายและมีมูลค่าสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่

  • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

“ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2567 รัฐวิสาหกิจสามารถลงทุนได้ตามเป้าหมาย โดยเบิกจ่ายงบลงทุนได้ 150,401 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 134,841 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 58 ของกรอบงบลงทุนทั้งปี“

รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุนพุ่ง 1.5 แสนล้าน หนุนเม็ดเงินลงเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ  ยังได้มอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจร่วมกันพิจารณาปรับเพิ่มกรอบงบลงทุนประจำปี 2567 เพื่อเป็นการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ 

ขณะเดียวกัน สคร. จะกำกับติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นไปตามเป้าหมายและเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป