นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ทีมพาณิชย์ ทำการสำรวจตลาดและรายงานความเคลื่อนไหวตลาดในต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการในประเทศไทย
ล่าสุดได้รับรายงานจาก นางสาวนันท์นภัส งามแม้น ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้ทำการสำรวจถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยจากการสำรวจอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในจีน ในช่วงเทศกาลชอปปิ้ง 618 หรือวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันก่อตั้งแพลตฟอร์มจิงตง ที่จะการแข่งขันลดราคาในสมรภูมิหลักของแบรนด์ความงามผ่านแพลตฟอร์ม อย่าง Tmall และ JD มีแบรนด์ความงามถึง 43 แบรนด์ที่มียอดจำหน่ายเกิน 100 ล้านหยวน
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเครื่องสำอางของจีนกำลังเปลี่ยนจากการพึ่งพาโปรโมชั่นใหญ่ในวันสำคัญมามุ่งเน้นยอดขายรายวันและสร้างมูลค่าแบรนด์ในระยะยาว ให้ความสำคัญกับการตลาดหลายช่องทาง Omni Channel ที่ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้จากหลากหลายช่องทาง การตลาดออนไลน์ที่ใช้ขยายเวลาการทำโปรโมชั่นให้ยาวขึ้น และไลฟ์สตรีมขายสดเพิ่มขึ้น
ซึ่งจีนให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางสไตล์จีนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันแบรนด์ความงามของจีน เริ่มให้ความสำคัญกับรองพื้น เน้นมีนวัตกรรมผลิตสินค้าที่เข้าใจความต้องการส่วนบุคคลของผู้บริโภคมากขึ้น มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รองพื้นที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ สภาพผิวของผู้บริโภค มีคุณสมบัติบำรุงผิว มีกันแดดและรองพื้นในตัวเดียวกัน
และแนวโน้มบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน มีสุนทรียภาพแบบจีนซึ่งกระแสย้อนยุค กำลังเป็นที่สนใจ
โดยผู้บริโภคจีนมีความใส่ใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอาง ดังนี้
1. สี เช่น สีเขียวมิ้นกำลังเป็นเทรนด์ใหม่
2. การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งผู้บริโภคจีนได้เห็นความสำคัญในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่มีคาร์บอนต่ำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
3.สไตล์จีนและเป็นแนวธรรมชาติ ผู้บริโภคจีนมีความมั่นใจทางวัฒนธรรมที่ผสมผสาน โดยรูปแบบสไตล์จีนย้อนยุค และรูปแบบจีนสมัยใหม่ล้วนได้รับความนิยม
4.การออกแบบบรรจุภัณฑ์สื่อถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างบรรจุภัณฑ์สไตล์ Cyberpunk สร้างความรู้สึกถึงความเป็นอนาคตทันสมัย ดึงดูดความสนใจผู้บริโภคจีนได้ดี
อย่างไรก็ดี ตลาดความงามในจีนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีโอกาสมากมาย ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาแนวโน้มอย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค โดยนำจุดแข็งของไทยมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เช่น วัตถุดิบจากธรรมชาติและภูมิปัญญาการดูแลผิวแบบไทย
อีกทั้งการปรับบรรจุภัณฑ์ของเครื่องสำอางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีสไตล์จีนยังคงตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคจีนได้ดี ซึ่งเครื่องสำอางไทยไม่เพียงแต่มีศักยภาพในจีน แต่ยังมีแนวโน้มเป็นที่นิยมในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ที่มีความชื่นชอบต่อเครื่องสำอางที่ประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ และมุ่งเน้นคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยและสอดคล้องกับเทรนด์ในอนาคต