"อินเดีย" ดาวรุ่งแห่งวงการ Data Center แซงหน้าคู่แข่งในเอเชีย

03 มิ.ย. 2567 | 17:00 น.
625

อินเดียกำลังผงาดขึ้นมาเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลที่น่าจับตามองที่สุดในเอเชีย ด้วยแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและความต้องการด้านดิจิทัลที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

อินเดีย กำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำใหม่แห่งวงการศูนย์ข้อมูล Data Center ระดับโลก พร้อมกระชากตำแหน่งจากประเทศชั้นนำอย่างญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง ตามรายงานจากนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมชั้นนำ สาเหตุหลักมาจากความมุ่งมั่นในการลงทุนอย่างจริงจังของบรรดายักษ์ใหญ่ระดับโลก อาทิ Amazon ที่เล็งเห็นศักยภาพของตลาดอินเดียและระดมเงินทุนมหาศาลเข้ามา รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศอย่าง Reliance Industries ที่เดินหน้าขยายการลงทุนอย่างแข็งขัน

การเติบโตที่พุ่งแรงของศูนย์ข้อมูลในอินเดียนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นักวิเคราะห์ระบุ ในขณะที่จำนวนประชากรอินเดียที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การใช้บริการต่างๆ อย่างอีคอมเมิร์ซ แอปพลิเคชันการชำระเงิน และดิจิทัลคอนเทนต์ พุ่งสูงขึ้นตาม

จากข้อมูลพบว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในอินเดียอยู่ที่ประมาณ 600-800 ล้านคน หรือราวครึ่งหนึ่งของประชากร ซึ่งนับเป็นฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่มาก

ด้วยขนาดประชากรอินเดียที่มหาศาล ทำให้บรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างพากันเปิดสำนักงานในภูมิภาคเอเชียใต้ เพื่อรองรับความต้องการที่เติบโตอย่างมหาศาล โดยมีกำลังคนที่มีทักษะและได้รับการศึกษาสูงให้เลือกสรร

หนึ่งในจุดแข็งสำคัญของอินเดีย คือต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่า ประกอบกับสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ทำให้อินเดียกลายเป็นดินแดนดิจิทัลที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

แม้ปัจจุบันศูนย์ข้อมูลส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในมุมไบ แต่เมืองอื่นๆ อย่างเดลี เจนไน และเบงกาลูรูก็กำลังผุดโครงการใหม่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อมสำหรับการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลแห่งใหม่ และทาบบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งในและต่างประเทศให้มาลงทุน

แผนการขยายกำลังการผลิตอย่างมหาศาล ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกนี้กำลังเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ถึง 850 เมกะวัตต์ภายใน 3 ปีข้างหน้า ทำให้มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเกือบเป็นสองเท่าจากปัจจุบัน 

Amazon Web Services วางแผนลงทุนกว่า 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 ได้เปิดศูนย์ข้อมูลในมุมไบและไฮเดอราบัด ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเตลังคานาและรัฐอานธร แล้ว ขณะที่ ST Telemedia จากสิงคโปร์เตรียมงบ 900 ล้านดอลลาร์สำหรับขยายฐานในอินเดียภายในปี 2576 มีกำลังการผลิตรวมกว่า 300 เมกะวัตต์ใน 28 ศูนย์ข้อมูลใน 10 เมือง

นอกจากนี้ Colt Data Center จากสหราชอาณาจักรยังประกาศแผนสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดไม่ต่ำกว่า 70 เมกะวัตต์ในเจนไนภายในปี 2570 สะท้อนความเชื่อมั่นของนานาชาติที่มีต่ออินเดียในฐานะจุดศูนย์รวมข้อมูลระดับภูมิภาค

บรรดายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลกเริ่มวางรากฐานในอินเดีย ยักษ์ใหญ่ในประเทศก็ไม่รอช้า ต่างผงาดก้าวสู่ศึกศูนย์ข้อมูลด้วยเงินลงทุนมหาศาล

Adani Group ซึ่งดำเนินธุรกิจในหลากหลายสาขา ประกาศขานรับการเติบโตด้านดิจิทัลผ่านบริษัทลูก AdaniConneX พร้อมเงินกู้ 1.44 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในเจนไนและมุมไบขนาดรวม 67 เมกะวัตต์ เป็นจุดเริ่มต้นของเป้าหมายพลังงานสะสม 1 กิกะวัตต์ด้วยงบลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2573

ไม่แพ้กัน Reliance Industries ยักษ์ใหญ่พลังงาน ก็ก้าวสู่การเป็นผู้เล่นรายใหม่ด้วยการจับมือ Brookfield ลงทุน 122 ล้านดอลลาร์ในธุรกิจศูนย์ข้อมูลอินเดียเมื่อปีก่อน

แรงขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่มาจากความต้องการข้อมูลที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในอินเดียผู้มีประชากรหนาแน่นและเศรษฐกิจเติบโตแรง คาดว่า GDPไตรมาส 1/2566 จะขยายตัวถึง 8% 

แม้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกจะนำร่องการลงทุนในศูนย์ข้อมูลอินเดียไปแล้ว แต่แรงผลักดันสำคัญกำลังมาจากทุกภาคส่วนทั้งในและนอกประเทศ สะท้อนถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของอินเดีย 

ภาคการเงินการธนาคารซึ่งเป็นผู้ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ คาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับความต้องการศูนย์ข้อมูลในประเทศ นอกจากนี้ บริษัทวิศวกรรมและผู้ผลิต ตลอดจนบริษัทเทคโนโลยี ก็มีแนวโน้มที่จะจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาของตนเอง

การแพร่ระบาดโควิด19 ยังเร่งให้ธุรกิจทุกประเภทปรับตัวสู่ดิจิทัล ซึ่ง Consultancy Bain & Company คาดการณ์ว่าอินเดียจะก้าวขึ้นเป็นเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้บริโภคที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในทศวรรษนี้  

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้อินเดียมีข้อได้เปรียบในการเป็นศูนย์กลางศูนย์ข้อมูลระดับภูมิภาค รวมถึงประเด็นที่ต้องปรับปรุงเพื่อความสำเร็จในระยะยาว ผมจะนำมาเรียบเรียงรวมกับเนื้อหาเดิมดังนี้

แม้ศักยภาพตลาดขนาดใหญ่และการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงจะเป็นจุดแข็งหลักที่ดึงดูดการลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลเข้าสู่อินเดีย แต่ประเทศนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

ราคาที่ดินในอินเดียค่อนข้างถูกกว่าที่อื่น ประกอบกับความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย เป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนการสร้างและดำเนินการศูนย์ข้อมูล

หากจะคว้าตำแหน่งผู้นำภูมิภาคอย่างเต็มตัว อินเดียยังต้องเร่งพัฒนาศักยภาพด้านฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล ซึ่งยังด้อยกว่าคู่แข่งในระดับหนึ่ง 

แต่ด้วยแรงผลักดันจากทุกภาคส่วนทั้งภายในและต่างชาติ ประกอบกับการขยายตัวของดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ก็เป็นที่น่าจับตาว่าอินเดียจะสามารถพัฒนาขีดความสามารถได้อย่างรวดเร็วเเละ พร้อมผงาดเป็นศูนย์กลางศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ของเอเชียในอนาคตหรือไม่ 

ที่มา

asia.nikke