Gen 2 ‘เอ็มที แอสเสทฯ’ จัดทัพสยายปีก รุกธุรกิจโรงแรม-มิกซ์ยูส-โรงพยาบาล

19 พ.ค. 2567 | 12:20 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ค. 2567 | 12:23 น.

“วรพจน์ กันตพิพัฒน์” ทายาทรุ่น 2 “เอ็มที แอสเสทฯ” ปรับทัพธุรกิจชูกลยุทธ์ Diversification Strategy เดินหน้าธุรกิจขายและเช่า ลุยลงทุนเพิ่มไลฟ์สไตล์ มอลล์, ซื้อโรงแรม 13 เหรียญพลิกโฉมเป็น “Matter Hotel”, โรงพยาบาลย่านแบริ่ง และมิกซ์ยูสแห่งใหม่ใกล้ฟิวเจอร์พาร์ค

ชื่อของ “เอ็มที แอสเสท คอร์ปอเรชั่น” เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำในโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ บนเส้นทางธุรกิจกว่า 40 ปี ที่มีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม โฮมออฟฟิศ มินิแฟคตอรี่รวมถึงตลาดสด กระจายอยู่ทั่วทั้งในเขตดอนเมือง สายไหม บางเขน จังหวัดนนทบุรี ต่อไปถึงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี อย่างลำลูกกาและคลองหลวงรวมกว่า 40 โปรเจ็กต์

ที่ล่าสุดภายใต้การนำทัพของ “วรพจน์ กันตพิพัฒน์” ทายาทรุ่น 2 ที่เข้ามารับไม้ต่อ ประกาศสยายปีกธุรกิจจากเดิมที่ทำเพื่อขาย สู่การเป็นผู้บริหารพื้นที่เช่า พร้อมสร้างอาณาจักรรองรับเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป

นายวรพจน์ กันตพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มที แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทนับจากนี้ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง (Diversification Strategy) โดยแบ่งพอร์ตออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่ โครงการเพื่อการขายและปล่อยเช่า ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 70:30 ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจไปพร้อมกับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ๆ และเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์ MT อีกด้วย

Gen 2 ‘เอ็มที แอสเสทฯ’ จัดทัพสยายปีก รุกธุรกิจโรงแรม-มิกซ์ยูส-โรงพยาบาล

สำหรับโครงการเพื่อการขายของบริษัทมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม โฮมออฟฟิศ มินิแฟคตอรี่ รวมถึงซื้อขายที่ดินเปล่าจัดสรร ขณะที่โครงการเพื่อปล่อยเช่า มีตั้งแต่ไลฟ์สไตล์มอลล์ ตลาดสด อพาร์ทเม้นท์ ไปจนถึงโรงแรม ซึ่งปัจจุบันเอ็มที แอสเอสฯ มีที่ดินอยู่ในมือจำนวนหนึ่งในโซนกรุงเทพฯตอนเหนือ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อนำมาพัฒนาซึ่งเบื้องต้นมองว่าจะเป็นมิกซ์ยูส

ที่รวมทุกความต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในย่านนั้นๆเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นที่ดินราว 20 ไร่ บริเวณใกล้เคียงกับศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต รายล้อมไปด้วยโรงเรียน มหาวิทยาลัย อาคารสำนักงาน หมู่บ้าน ฯลฯ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในปีนี้

ขณะเดียวกันล่าสุดบริษัททุ่มงบลงทุน 100 ล้านบาท ในการรีโนเวทโครงการ “MT Arena Sport & Lifestyle Mall” พร้อมขยายพื้นที่ต่อเติมและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “MT Khu Khot Lifestyle Mall” เพื่อรองรับดีมานด์ที่อยู่ในย่านคูคต โดยเอ็มที แอสเสทฯ ยังคงรูปแบบธุรกิจที่เป็นโครงการอสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่า แต่เน้นเพิ่มพื้นที่รีเทลมากขึ้น เพื่อรองรับปริมาณผู้บริโภคในพื้นที่ที่กำลังขยายตัว และเพื่อเพิ่มรายได้จากการเก็บค่าเช่าพื้นที่

Gen 2 ‘เอ็มที แอสเสทฯ’ จัดทัพสยายปีก รุกธุรกิจโรงแรม-มิกซ์ยูส-โรงพยาบาล

โครงการ MT Khu Khotฯ เดิมเป็นโครงการสปอร์ต-ไลฟ์สไตล์ แห่งแรกในย่านนี้ มีเนื้อที่ราว 10 ไร่ ก่อนที่จะนำมารีโนเวท โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 เป็น Makro Food Service พื้นที่ 4,400 ตร.ม. ส่วนที่ 2 เป็น Starbucks Drive Thru แห่งแรกบนถนนลำลูกกา ซึ่งทั้งสองส่วนได้เปิดให้บริการแล้ว

และส่วนสุดท้ายเป็น Mall ขนาด 3 ชั้น จำนวน 16 ยูนิต ที่จะเป็น food destination แห่งแรกและแห่งเดียวในย่านคูคต รวมพื้นที่ขาย 1,600 ตร.ม. ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 70% และได้เปิดขายพื้นที่แล้วตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ล่าสุดปิดได้แล้วกว่า 40% โดยตั้งเป้าจะปิดการขายได้ทั้งหมดและส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้เช่าได้ในไตรมาสแรกปีหน้า พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในไตรมาส 2

“เรามองเห็นถึงศักยภาพในย่านนี้หลังจากที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เปิดให้บริการ วิ่งเชื่อมกรุงเทพฯ และปทุมธานี ทำให้ราคาที่ดินโซนคูคตพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้สูงทะลุ 100% ไปแล้วเมื่อเทียบกับราคาเมื่อปี 2563 ก่อนมีบีทีเอส ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เกิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนี้เพิ่มขึ้น

ดังนั้นเพื่อรองรับดีมานด์จากฝั่งผู้ซื้อที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ซื้อเพื่ออยู่จริงและเพื่อลงทุน เรียกได้ว่าตอนนี้ คูคตกำลังจะเป็นทำเลทองของโซนกรุงเทพฯตอนเหนือ เอ็มที แอสเสทฯ จึงนำโครงการรีเทลที่มีอยู่แล้ว ซึ่งติดถนนลำลูกกา ห่างจากสถานีคูคตเพียง 400 เมตร ขึ้นมารีโนเวทเพื่อรองรับกำลังซื้อในย่านนี้ที่มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และอาคารสำนักงาน ฯลฯ”

Gen 2 ‘เอ็มที แอสเสทฯ’ จัดทัพสยายปีก รุกธุรกิจโรงแรม-มิกซ์ยูส-โรงพยาบาล

ทั้งนี้คาดว่า MT Khu Khot Lifestyle Mall จะได้รับการตอบรับอย่างดี มีอัตราการเช่าพื้นที่ (occupancy rate) ไม่ต่ำกว่า 90% และสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 3 ปี และบริษัทตั้งเป้าว่าจะนำโครงการ MT Khu Khot Lifestyle Mall เข้าระดมทุนผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ในอีก 3 ปีหลังเปิดให้บริการในปีหน้า เพื่อนำเงินมาพัฒนาโครงการใหม่ต่อไป

นายวรพจน์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังใช้งบลงทุนราว 160 ล้านบาทแบ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการโรงแรม 13 เหรียญ สาขาปากเกร็ด ในปี 2565 จำนวน 80 ล้านบาท และอีก 80 ล้านบาทเป็นการรีโนเวทใหม่ทั้งหมดพร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น Matter Hotel ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2568 ซึ่งที่มีเป้าหมายที่จะรองรับกลุ่มลูกค้าที่มาจัดงานในอิมแพ็ค เมืองทองธานี รวมถึงข้าราชการ และชาวต่างชาติที่นิยมมาเล่นกอลฟ์ในเมืองไทย

นอกจากนี้ยังร่วมลงทุนในโครงการ IMH Medical Hub มิกซ์ยูสแห่งใหม่บนเนื้อที่กว่า 12 ไร่ ย่านบีทีเอส แบริ่ง โดยบริษัทโรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ จำกัด (IMH) ซึ่งแบ่งการลงทุนออกเป็น 2 เฟส ได้แก่ เฟส 1 ประกอบด้วยโรงพยาบาล IMH แบริ่ง ขนาด 200 เตียง รองรับผู้ใช้บริการทั่วไปและผู้มีสิทธิประกันสังคม ,อาคาร Retail space

และศูนย์แพทย์เฉพาะทาง & Wellness Center จะเปิดให้บริการในครึ่งหลังปี 2568 และ เฟส 2 ประกอบด้วย โรงพยาบาล IMH International ขนาด 400 เตียง รองรับผู้ใช้บริการทั่วไปและชาวต่างชาติ และศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยและกายภาพบำบัด จะเปิดให้บริการในปี 2571 โดยเอ็มที แอสเสทฯ จะดูแลด้านบริหารพื้นที่ Retail space เป็นหลัก

Gen 2 ‘เอ็มที แอสเสทฯ’ จัดทัพสยายปีก รุกธุรกิจโรงแรม-มิกซ์ยูส-โรงพยาบาล

“เอ็มที แอสเสทฯ พร้อมที่จะลงทุนต่อเนื่องหากทำเลนั้นมีศักยภาพ ซึ่งขณะนี้มองหาทำเลใหม่ๆ ต่อเนื่องทั้งที่ภูเก็ต ชลบุรี ฉะเชิงเทรา อุบลราชธานี ฯลฯ ซึ่งการลงทุนสามารถทำได้หลากรูปแบบ โดยเฉพาะการเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตร เจ้าที่ที่ดิน ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีที่ดินรกร้าง รอการพัฒนาจำนวนมาก แต่เจ้าของเองอาจจะขาดประสบการณ์หรือไม่มีความรู้ว่าจะสามารถพัฒนาอะไรได้

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ราว 210 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 10% จากปีก่อน หลังจากที่ปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียม MT Residence คลองหลวง จำนวน 312 ยูนิต และมีการโอนไปแล้วมากกว่า 80% รวมกับรายได้ส่วนค่าเช่าจากโครงการต่างๆ ในมือ ขณะที่ในปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 145 ล้านบาท และจากการปล่อยเช่า 25 ล้านบาท เติบโตขึ้น 50% จากปี 2564

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,992 วันที่ 16 - 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567