ครม.สัญจร ปลดล็อก ประชาชนใช้ที่ดินรัฐ ค้ำประกันเงินกู้กับแบงก์ได้

14 พ.ค. 2567 | 15:27 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ค. 2567 | 15:35 น.
1.6 k

ครม.สัญจร เพชรบุรี เห็นชอบ เปิดช่องให้ประชาชนที่ใช้ที่ดินรัฐ ค้ำประกันเงินกู้กับทางสถาบันการเงินได้ หลังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จัดทำข้อเสนอแนวทางการเพิ่มมูลค่าที่ดิน

วันนี้ (14 พฤษภาคม 2567) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(สคทช.) เสนอแนวทางการเพิ่มมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถนำที่ดินของรัฐไปใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ โดยที่ดินยังเป็นของรัฐ แต่ไม่สามารถบังคับใช้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้ได้ 

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.สัญจรมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน และมอบหมายให้ สคทช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรายละเอียดการดำเนินการตามแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้ประชาชนให้มีความชัดเจน เหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติครม.ที่เกี่ยวข้อง โดยรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปประกอบการพิจารณาด้วย 

ทั้งนี้ โดยยังคงหลักการว่า ที่ดินที่จัดให้กับประชาชนนั้นถือเป็นของรัฐและไม่อาจบังคับหลักประกันเพื่อชำระหนี้ได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

นายคารมกล่าวว่า สาระสำคัญแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชนมีทั้งหมด 3 แนวทาง ประกอบไปด้วย 

แนวทางที่  1 การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบ ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบ เพื่อลดข้อจำกัดในการแลกเปลี่ยน/โอนสิทธิที่ดิน เพื่อให้เกิดกลไกในการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เฉพาะในกรณีผู้ได้รับสิทธิในที่ดินของรัฐไม่ชำระหนี้เงินกู้กับสถาบันการเงิน เพื่อให้ที่ดินนั้นสามารถโอนไปยังบุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้ในลักษณะเดียวกับการจัดทำบันทึกข้อตกลงระหว่าง ส.ป.ก. และ ธ.ก.ส.

ที่กำหนดว่าหากผู้ได้รับสิทธิจากการปฏิรูปที่ดินไม่ชำระหนี้เงินกู้แก่ ธ.ก.ส. ที่ดินนั้นจะต้องสามารถการโอนไปยังบุคคลอื่นได้ กรณีผู้ได้รับสิทธิจากการปฏิรูปที่ดินยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจาก ส.ป.ก. จะต้องมีกลไกในการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ โดยการนำที่ดินนั้นไปจัดให้แก่เกษตรกรรายใหม่ ซึ่งยินยอมชำระหนี้แทนให้ ธ.ก.ส. หรือหากกรณีเป็นผู้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจาก ส.ป.ก. แล้ว ให้ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ดังกล่าวตกลงกับ ส.ป.ก. เพื่อโอนสิทธิในที่ดินกลับไปยัง ส.ป.ก.

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

2.การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบเพื่อลดข้อจำกัดการใช้ประโยชน์ที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากที่ดินแต่ละพื้นที่มีศักยภาพในการพัฒนาที่แตกต่างกัน โดยแนวทางในการลดข้อจำกัดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ประกอบด้วย 

  • การจำแนกประเภทที่ดินเพื่อทราบศักยภาพซึ่งหน่วยงานของรัฐที่จัดที่ดินให้กับประชาชนควรเป็นหน่วยงานหลักในการสำรวจจำแนกประเภทที่ดินและจัดเก็บฐานข้อมูลศักยภาพที่ดินภายในขอบเขตพื้นที่รับผิดชอบของตน โดยมีกรมพัฒนาที่ดิน และกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นหน่วยงานสนับสนุน
  • การปรับปรุงระเบียบให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการนอกเหนือการเกษตรกรรมได้ เช่น พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 อนุญาตให้เกษตรมีสิทธิขุดบ่อเพื่อการเกษตรกรรม ไม่เกินร้อยละ 5 ของเนื้อที่ที่ได้รับมอบและมีสิทธิปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างสำหรับโรงเรือนที่อยู่อาศัย ยุ้งฉาง หรือสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรของเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรนั้นได้ตามสมควร หากประสงค์จะขุดบ่อเกินร้อยละ 5 ของเนื้อที่ที่ได้รับมอบ หรือปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างเกินสมควรจะต้องได้รับอนุญาต พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 

รวมถึงกรณีการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ไม่มีบทบัญญัติที่กำหนดให้การทำประโยชน์ในที่ป่าสงวนแห่งชาติจำกัดเพียงการทำเกษตรเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติแล้วเป็นที่ยอมรับร่วมกันว่าเป็นการจัดที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อทำเกษตรเท่านั้น ไม่สามารถนำไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้ 

  • การกำหนดสัดส่วนการใช้ประโยชน์ที่ดินในกิจการอื่นนอกจากการเกษตร โดยกำหนดสัดส่วนขั้นต่ำของการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้ป้องกันไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพของการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ต่างไปจากเจตนารมณ์หลักในการจัดที่ดินให้กับประชาชนเพื่อใช้สำหรับการทำเกษตรกรรม
  • การส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเหมาะสมตามศักยภาพ

แนวทางที่ 2 การกำหนดแนวทางการประเมินมูลค่าที่ดินและทรัพย์สินที่รัฐจัดให้กับประชาชน เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนแก่ประชาชนที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินจากรัฐ โดยเกณฑ์ที่ควรนำมาพิจารณาในการประเมินมูลค่าที่ดินและทรัพย์สิน ได้แก่ ทำเลที่ตั้ง ลักษณะทางกายภาพของดิน กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาที่ดิน เช่น พระราชบัญญัติการผังเมือง การขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งการวิเคราะห์มูลค่าที่ดินและทรัพย์สินที่รัฐจัดให้กับประชาชน สามารถดำเนินการได้ 2 รูปแบบ คือ การพิจารณาตามสิทธิในการซื้อขายและการพิจารณาตามรูปแบบการจัดที่ดิน 

แนวทางที่ 3 การจัดให้มีระบบหรือสถาบันที่ให้สินเชื่อระยะปานกลางและระยะยาวให้แก่ประชาชนที่ได้รับการจัดที่ดินของรัฐและจัดให้มีระบบประกันความเสี่ยงในการอำนวยสินเชื่อ เพื่อเป็นแหล่งทุนแก่เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับการจัดที่ดินจากรัฐแต่มีทุนและความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุนได้จำกัด ซึ่งที่ดินและทรัพย์สินที่ได้รับจัดสรรมาจากหน่วยงานของรัฐจะถูกกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์ไว้แล้วและมีข้อจำกัดในการห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือที่เป็นอุปสรรคในการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงินในการใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นหลักประกัน 

รวมไปถึงต้นทุนทางธุรกรรมในการเข้าถึงสินเชื่อสำหรับเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยก็สูงผิดปกติ เนื่องจากจำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้อื่น ๆ ที่มีหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อที่ผ่อนปรนกว่าแต่มีอัตราดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า ดังนั้น การจัดให้มีระบบหรือมีตัวกลางที่ทำหน้าที่อำนวยสินเชื่อระยะกลางและระยะยาวที่มีประสิทธิภาพ ก็เป็นแนวทางสำคัญอีกประการหนึ่ง ประกอบด้วย

  • ระบบค้ำประกันสินเชื่อ โดยอาจเพิ่มภารกิจในการค้ำประกันสินเชื่อให้แก่สถาบันการเงิน เช่น บสย. บจธ. ให้สามารถครอบคลุมการให้สินเชื่อแก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์และผู้มีรายได้น้อย หรืออาจจัดตั้งธนาคารเฉพาะกิจหรือกองทุนขึ้นใหม่เพื่อปฏิบัติภารกิจดังกล่าว
  • ระบบตรวจสอบ ติดตามสินเชื่อ ให้สถาบันการเงินหรือกองทุนผู้ให้สินเชื่อสามารถตรวจสอบการใช้เงินของลูกหนี้ว่ามีการใช้เงินสินเชื่อตามวัตถุประสงค์ เพื่อให้ใช้เงินสินเชื่อและการดำเนินกิจการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบออมทรัพย์ เพื่อสร้างวินัยทางการเงินให้แก่เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะเป็นการลดความเสี่ยงในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินหรือกองทุนอย่างเป็นระบบด้วย 

“การดำเนินการในเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญคือเพื่อปลดข้อจำกัด ในการนำที่ดินของรัฐประเภทต่าง ๆ ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ตามศักยภาพของที่ดินโดยไม่จำกัดเฉพาะการทำเกษตรกรรม และให้สามารถเกิดการเปลี่ยนตัวผู้ได้รับสิทธิในที่ดินในกรณีที่ผู้ได้รับสิทธิเดิมมีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่สามารถชำระคืนสถาบันการเงินได้ ก็จะมีการปรับแก้กฎระเบียบให้สามารถเปลี่ยนตัวผู้รับสิทธิในที่ดินเป็นรายอื่นที่ยินยอมจะชำระหนี้แทนผู้ได้รับสิทธิในที่ดินรายเดิมได้”

นายคารมกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังจะปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อให้สามารถนำสิทธิในการใช้ประโยชน์ในที่ดินไปเป็นหลักประกันในการชำระหนี้จากสถาบันการเงินได้และจะมีการยกร่างมาตรฐานการประเมินมูลค่าที่ดินเพื่อให้การประเมินราคาที่ดินของรัฐเป็นไปด้วยมาตรฐานเดียวกัน