ปิดดีล "FTA ไทย – ศรีลังกา" เปิดตลาดการค้าสินค้าเท่าเทียมกว่า 85%
ปิดดีล "FTA ไทย – ศรีลังกา" เปิดตลาดการค้าสินค้าเท่าเทียมกว่า 85% ระบุมีระยะเวลาในการลด ยกเว้นอากร 16 ปี นับจากความตกลงมีผลบังคับใช้ ด้านภาคบริการไทยจะเข้าไปถือหุ้นในสาขาบริการได้ 100% ใน 50 สาขาย่อย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการลงนาม FTA ไทย – ศรีลังกา ซึ่งถือเป็น FTA ฉบับที่ 15 ของไทย จะเป็นการเปิดตลาดการค้าสินค้ากว่า 85% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด โดยเป็นระดับการเปิดตลาดที่เท่าเทียมกันของทั้งสองฝ่าย และมีระยะเวลาในการลด/ยกเว้นอากรในเวลา 16 ปี นับจากความตกลงมีผลบังคับใช้
สำหรับสินค้าที่ศรีลังกาจะยกเว้นอากรให้ทันทีคิดเป็น 50% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด หรือกว่า 4,000 รายการ เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน ,ปุ๋ย ,หนังเทียม ,เคมีภัณฑ์ ,เยื่อกระดาษและกระดาษคราฟท์ ,เครื่องใช้ไฟฟ้า ,ปลาซาดีน ,ปลาแซลมอนกระป๋อง ,อาหารสัตว์ ,กุ้งแช่เย็น ,โคกระบือมีชีวิต และเครื่องเงิน
ด้านภาคบริการศรีลังกาเปิดให้ไทยเข้าไปถือหุ้นในสาขาบริการได้ถึง 100% ใน 50 สาขาย่อย เช่น บริการโรงแรมและร้านอาหาร ,บริการขนส่งทางทะเล ,บริการนายหน้าและตัวแทนประกันภัย ,บริการแฟรนไชส์บริการโทรคมนาคม ,บริการสิ่งแวดล้อม ,บริการโฆษณา และบริการให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการ
ส่วนภาคการลงทุน ศรีลังกาเปิดให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนโดยถือหุ้นได้ 100% ใน 35 สาขา เช่น การแปรรูปอาหาร (ผลไม้ ผัก ถั่ว มั่นฝรั่ง) ,การผลิตสิ่งทอ (ยกเว้นทอผ้าด้วยมือ) ,การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ,การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ,การผลิตยาและเวชภัณฑ์ ,การผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และทันตกรรม
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ในปี 66 การค้าระหว่างไทยและศรีลังกามีมูลค่า 415.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปศรีลังกา มูลค่า 291.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากศรีลังกา มูลค่า 124.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ ,น้ำมันสำเร็จรูปยาง ,ผ้าผืน ,ยางพารา และเคมีภัณฑ์
สินค้านำเข้าสำคัญจากศรีลังกา เช่น เครื่องเพชรพลอย ,อัญมณี ,เงินแท่งและทองคำ ,เสื้อผ้าสำเร็จรูป ,เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ,พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช และกาแฟ ชา เครื่องเทศ
"แม้ศรีลังกาจะเป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรเพียง 22 ล้านคน แต่มีจุดเด่นด้านที่ตั้ง ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการขนส่งทางเรือของโลก เชื่อมต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป ประกอบกับเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เช่น แร่รัตนชาติ แร่แกรไฟต์ และสัตว์ทะเล เป็นต้น และถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา ศรีลังกาจะประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ก็เริ่มฟื้นตัวและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง"