256 CEO 76 จังหวัด ห่วงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ต้นทุนผลิต-ราคาสินค้าพุ่ง

29 พ.ย. 2566 | 16:49 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ย. 2566 | 17:00 น.

สภาอุตสาหกรรม เผยผลสำรวจ CEO Survey 256 ราย ใน 46 กลุ่มอุตสาหกรรม 76 จังหวัด ห่วงขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำกระทบต้นทุนผลิต ดันสินค้าราคาแพงขึ้น แนะจ่ายตามทักษะฝีมือ

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 35 เดือน พ.ย. 66 ภายใต้หัวข้อ “ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอย่างไรให้ลูกจ้างและนายจ้างอยู่รอด” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มีความกังวลถึงกรณีที่หากภาครัฐมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ในอัตราที่สูงเกินไป 

รวมทั้งการที่ผู้ประกอบการจะต้องแบกรับภาระในการปรับขึ้นค่าจ้างให้กับแรงงานเดิมตามฐานอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ จะสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ 

ทั้งนี้ จากผลสำรวจปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีต้นทุนแรงงานอยู่ที่ 11 – 20% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด 

ดังนั้น ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอให้ภาครัฐพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ โดยยึดหลักการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) เพื่อจูงใจให้เกิดการพัฒนาทักษะแรงงาน 

และควรมีมาตรการส่งเสริมกลไก Pay by Skill โดยเฉพาะการเร่งรัดให้มีการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการส่งพนักงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า 

นอกจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่แล้ว ภาครัฐควรจะต้องแก้ไขปัญหาปากท้องของแรงงานในระยะยาวควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะการดูแลลดค่าครองชีพให้กับประชาชน เช่น ลดค่าโดยสารสาธารณะ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น 

อีกทั้งยังมีการกำกับดูแลการปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและควบคุมให้มีการปรับราคาสินค้าขึ้น-ลงตามต้นทุนที่แท้จริง

ซึ่งจะทำให้แรงงานมีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้นและยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับตลาดอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่มองว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมยังมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการใช้แรงงานในภาคการผลิตอยู่ แต่จะเริ่มมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยการนำเครื่องจักรมาใช้ทดแทนการใช้แรงงานคนมากขึ้น ในอัตราส่วนไม่เกิน 20% ของการใช้แรงงานคนในปัจจุบัน  

เอกชนห่วง"ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ"กระทบต้นทุนผลิต ดันสินค้าราคาพุ่ง

สรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 35 จำนวน 6 คำถาม

ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมมีต้นทุนค่าแรงงานคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด

  • 11-20% > 33.0%
  • 21-30% > 25.3%
  • 31-40% > 17.6%
  • มากกว่า 40% > 12.6%
  • น้อยกว่า 10% > 11.5%

ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อกรณีหากมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราที่สูงเกินไปอย่างไร (Multiple choices)
         

  • กดดันต้นทุนการผลิตจนทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้าและส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ   66.7%
  • ภาระในการปรับขึ้นค่าจ้างให้กับแรงงานเดิม ที่จะต้องปรับขึ้นตามค่าจ้างขั้นต่ำใหม่   63.6%
  • ขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกลดลง   57.9%
  • อัตราการจ้างงานลดลงจากการปรับลดแรงงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายขององค์กร และยกระดับระบบสวัสดิการแรงงาน   38.7%

แนวทางการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแบบใดเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
         

  • การจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) เพื่อจูงใจให้พัฒนาทักษะ   45.3%
  • ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามสภาพเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัดผ่านมติคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด  35.6%
  • ชะลอการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำออกไปก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว  17.2%
  • ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราเดียวเท่ากันทั่วประเทศเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ      1.9%

ภาครัฐควรส่งเสริมกลไกการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) อย่างไร (Multiple choices)
         

  • เร่งรัดให้มีการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพ 62.1%
  • สามารถนำค่าใช้จ่ายในการส่งพนักงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า 60.9%
  • สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเพื่อลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ   48.3%
  • จัดสรรงบประมาณดำเนินโครงการฝึกอบรมให้แก่แรงงานที่ต้องการพัฒนาฝีมือแรงงาน   46.4%

นอกจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแล้ว รัฐบาลควรแก้ไขปัญหาปากท้องของแรงงานในระยะยาวอย่างไร (Multiple choices)
         

  • ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน เช่น ลดค่าโดยสารสาธารณะ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น  69.3%
  • กำกับดูแลการปรับราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและควบคุมให้ปรับตามต้นทุนที่แท้จริง     65.9%
  •  สนับสนุนให้เกิดการสร้างงานใหม่ๆ ผ่านโครงการรัฐ และพัฒนาศูนย์ฝึกอาชีพให้กับชุมชน   39.8%
  •  เพิ่มสวัสดิการให้กับแรงงานในระบบประกันสังคม เช่น เงินอุดหนุนการศึกษาบุตร เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น 36.4%

ใน 3 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมมีแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยการนำเครื่องจักรมาใช้ทดแทนแรงงานคน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นของการใช้แรงงานคนในปัจจุบัน
         

  • น้อยกว่า 20% > 34.9%
  • 21-30%        > 26.4%
  • มากกว่า 50% > 16.1%
  •  31-40%        > 13.0%
  • 41-50%        > 9.6%