ป.ป.ช.ตั้งกรรมการ 31 คนศึกษาแจกเงินดิจิทัล หวังป้องกันทุจริต

27 ต.ค. 2566 | 18:55 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ต.ค. 2566 | 19:05 น.

ประธาน ป.ป.ช.ลงนามตั้งคณะกรรมการ 31 คน ศึกษานโยบายแจกเงินดิจิทัล ของรัฐบาล หวังป้องกันการทุจริต ดึงผู้ว่าฯ ธปท.-อัยการสูงสุด-กฤษฎีกา-ภาคเอกชน ร่วม

วันนี้  (27 ต.ค. 66 )  นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต  ได้พิจารณารายงานการเฝ้าระวังการทุจริต นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต  จึงนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา  

และที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษา และดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่ง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ  ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ลงนามในคำสั่งฯ วันนี้  ( 27 ต.ค. 66)   

ทั้งนี้ ตามมาตรา 32 วรรค 2 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต   และระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ในการจัดทำมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือ องค์กรอัยการ  

โดยมีรายชื่อคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต  จำนวน 31 คน มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นประธานกรรมการ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ  เป็นรองประธานกรรมการ   และมีกรรมการ จำนวน 23 คน  

โดยมีหน้าที่และอำนาจรวบรวม และดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต ตลอดจนจัดทำข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง   เสนอความเห็น  เพื่อให้มีการเสนอมาตรการ  ความเห็น หรือข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต  ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. 

ประสานความร่วมมือกับคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หน่วยงานภายนอกและบุคคลที่เกี่ยวข้อง  เพื่อสนับสนุนการศึกษาข้อมูล  เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะบุคคล เพื่อดำเนินการตามที่คณะกรรมการคณะนี้กำหนดและเห็นสมควร   การดำเนินการรับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง  

นายนิวัติไชย ยังกล่าวว่า คณะกรรมการฯ ชุดนี้ จะเน้นการศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูล ข้อเท็จจริง จากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ตามหลักความเป็นกลาง รอบคอบ รอบด้าน และเป็นธรรม 

ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์  ในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการทุจริต  อันอาจส่งผลให้การดำเนินนโยบายไม่ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ 
 

 

อีกทั้ง นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต  เป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องการขับเคลื่อน  

ดังนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. จะดำเนินการศึกษาให้รวดเร็วควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาล โดยต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นการก้าวล่วงการดำเนินงานของฝ่ายบริหารหรือเป็นการระงับยับยั้งการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีเหตุอันควร

สำหรับรายชื่อกรรมการ ประกอบด้วย  

รองศาสตราจารย์มนตรี โสคติยานุรักษ์    

รองศาสตราจารย์สิริลักษณา คอมันตร์   

รองศาสตราจารย์อัจนา ไวความดี    

รองศาสตราจารย์อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.   

ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือผู้แทน 

อัยการสูงสุด หรือผู้แทน    

เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือผู้แทน    

เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือผู้แทน   

เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือผู้แทน   

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน    

เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย หรือผู้แทน 

ประธานสภาอุตสาหกรรม หรือผู้แทน   

ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน 

คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  

คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์    

นายภูมิศิริ ดำรงวุฒิ   

นางสาวภาณี  เอี้ยวสกุล    

นายสุทธินันท์  สาริมาน 

รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.  ที่รับผิดชอบการปฏิบัติราชการของ
ส่วนราชการในกลุ่มภารกิจป้องกันการทุจริต   

ผู้อำนวยการสำนักมาตรการเชิงรุกและนวัตกรรม 

และผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต เป็นกรรมการและเลขานุการ