คาดงบจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุทะลุ 1 แสนล้าน “คลัง” ชงตัดสิทธิคนรวย

05 ส.ค. 2566 | 19:51 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2566 | 19:51 น.

คลังคาด 2 ปีข้างหน้างบจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุทะลุ 1 แสนล้านบาท หลังสถิติ 3 ปีย้อนหลังแนวโน้มสูงขึ้น แนะลดสวัสดิการซ้ำซ้อน จ่อชงรัฐบาลใหม่ ตัดสิทธิคนรวย จ่ายเบี้ยเฉพาะคนจน

สังคมไทยก้าวสู่สังคมสูงวัย ส่งผลให้แนวโน้มการใช้งบประมาณดูแลเบี้ยผู้สูงอายุทยอยปรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นภาระต่องบประมาณในอนาคต โดยกระทรวงการคลัง จึงได้ทำการศึกษาทางออกในการลดข้อจำกัดดังกล่าว ผ่านแนวทางลดการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุที่ร่ำรวย

โดยแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเบิกจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทุกปี เชื่อว่าอีกไม่เกิน 1-2 ปี วงเงินงบประมาณจะทะลุ 100,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ฉะนั้น เพื่อลดภาระงบประมาณดังกล่าว และสร้างความยั่งยืนทางการคลังควรลดสวัสดิการที่ดูแลผู้สูงอายุที่ซ้ำซ้อนลง และจำกัดวงเงินการช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะทำให้สามารถประหยัดงบประมาณไปได้มาก

ทั้งนี้ หากพิจารณาสถิติการจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564- 2566 พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

ปีงบประมาณ 2564 (ต.ค.63-ก.ย.64) มีผู้สูงอายุรวม 10.48 ล้านคน แบ่งเป็น

  • ช่วงอายุ 60-69 ปี จำนวน 6.24 ล้านคน
  • ช่วงอายุ 70-79 ปี จำนวน 2.87 ล้านคน
  • ช่วงอายุ 80-89 ปี จำนวน 1.18 ล้านคน
  • 90 ปีขึ้นไป 183,885 คน
  • วงเงินงบประมาณที่มีการเบิกจ่าย 79,300 ล้านบาท

ปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.64-ก.ย.65) จำนวนผู้สูงอายุ 10.91 ล้านคน แบ่งเป็น

  • ช่วงอายุ 60-69 ปี จำนวน 6.48 ล้านคน
  • ช่วงอายุ 70-79 ปี จำนวน 3.01 ล้านคน
  • ช่วงอายุ 80-89 ปี จำนวน 1.21 ล้านคน
  • 90 ปีขึ้นไป 195,323 คน
  • วงเงินงบประมาณที่มีการเบิกจ่าย 82,341 ล้านบาท

ปีงบประมาณ 2566 ผ่านไป 10 เดือน (ต.ค.65-ก.ค.66) จำนวนผู้สูงอายุ 11.21 ล้านคน แบ่งเป็น

  • ช่วงอายุ 60-69 ปี จำนวน 6.61 ล้านคน
  • ช่วงอายุ 70-79 ปี จำนวน 3.15 ล้านคน
  • ช่วงอายุ 80-89 ปี จำนวน 1.24 ล้านคน
  • 90 ปีขึ้นไป 203,690 คน
  • วงเงินงบประมาณที่มีการเบิกจ่าย 71,057 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2567 ได้ตั้งงบประมาณไว้สำหรับเบี้ยผู้สูงอายุวงเงิน 90,000 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมแผนลดรายจ่ายไว้เสนอต่อรัฐบาลใหม่ เพื่อให้การดำเนินนโยบายการคลังมีเสถียรภาพอยู่ภายใต้กรอบของวินัยการเงินการคลัง เพื่อสร้างความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาว

ทั้งนี้ ได้แก่ การตัดงบผู้สูงอายุที่มีรายได้สูงหรือผู้สูงอายุที่ร่ำรวย เนื่องจากควรใช้นโยบายการคลังที่พุ่งเป้ามากขึ้น เพื่อช่วยเหลือไปยังกลุ่มคนที่มีความเดือดร้อนมากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป

“คนรวยที่มีอายุเกิน 60 ปี ควรได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเดือนละ 600 – 800 บาทหรือไม่ และควรลดรายจ่ายตรงนี้ลงแล้วนำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้อย่างอื่นดีกว่าหรือไม่ เป็นประเด็นที่จะต้องไปศึกษากันต่อว่าตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดให้เงินส่วนนี้เป็นสิทธิของประชาชนทุกคนควรได้รับ หรือเป็นสิทธิของประชาชนเฉพาะที่เดือดร้อน ไม่มีความสามารถในการหารายได้เท่านั้น”