“คลัง” เปิดความท้าทายเศรษฐกิจไทย แนะธุรกิจเร่งปรับตัว

22 มิ.ย. 2566 | 18:01 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มิ.ย. 2566 | 18:02 น.

คลังเผยเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ แม้เศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย แต่ยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งท่องเที่ยวยังกลับมาไม่ถึง 40 ล้านคน โครงสร้างประชากรไทยสูงวัยเพิ่ม-เกิดลดลง การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ แนะธุรกิจเร่งปรับตัว

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ “ภาวะผู้นำแบบยั่งยืน (Sustainable Leadership)” ในงาน Congratulations to the Participants of Wealth of Wisdom #2 ว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบาก แต่เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ 2.6% ขณะที่ปี 64 โตได้ 1.5% และปีนี้กระทรวงการคลัง และสภาพัฒน์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 2.5-3.5% แม้จะเป็นปีที่ยากลำบาก เนื่องจากธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย

"การส่งออกของเศรษฐกิจไทยปี 65 นั้นยังเผชิญความยากลำบาก เพราะเศรษฐกิจโลกถดถอย อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้เพราะการบริโภคและการท่องเที่ยว แม้การท่องเที่ยวยังมีความท้าทาย เพราะก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 40 ล้านคน แต่ในปีนี้ก็คาดว่าจะเข้ามาได้เกือบ 30 ล้านคน"

ทั้งนี้ สิ่งที่จะผลักดันเศรษฐกิจปี 66 คือ การบริโภคภาคเอกชน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีความท้าทายในเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 67 เนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ดังนั้น งบประมาณปี 67 จึงอาจล่าช้าออกไป แม้จะมีการใช้งบกลางไปพลางก่อน แต่ในด้านงบลงทุนนั้นไม่สามารถทำได้ ซึ่งรัฐบาลได้สั่งการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่มีแผนการลงทุนอยู่ เร่งเบิกจ่ายภายในไตรมาสแรก ของปีงบประมาณ 67 เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนลงสู่ระบบเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความท้าทายของสังคมสูงวัย ซึ่งปี 67  คนไทยใน 5 คน จะมีผู้สูงอายุ 1 คน ถือเป็นความท้าทายที่จะต้องเข้ามาดูแล นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความท้าทายภายนอก คือเรื่องเศรษฐกิจโลกในระยะถัดไป และการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางกลับเข้ามาภายในประเทศให้ได้ 40 ล้านคนโดยเร็ว พร้อมกันนี้ โครงสร้างประชากรของไทย แนวโน้มเด็กเกิดใหม่ลดลง ในปีนี้ มีเด็กเกิดใหม่เพียง 5 แสนคน ซึ่งอนาคตจะส่งผลต่อปัญหาเรื่องแรงงาน

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังเป็นอีกเรื่องที่มีความท้าทาย โดยธนาคารโลกมองว่าอีก 70 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจจะมีความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถึง 20%ต่อจีดีพี ฉะนั้น ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว พร้อมกันนี้ ยังมีความท้าทายเรื่องการบริหารเทคโนโลยี ต้องดูว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ จะสามารถพัฒนาก้าวไกลได้มากน้อยเพียงใด

"เอสเอ็มอีไทยมี 3 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 35%ของจีดีพี ซึ่งส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจไทยเติบโตได้เพราะภาคเอกชนช่วยดูแล ขณะเดียวกันภาครัฐก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนในการเพิ่มขีดความสามารถการดำเนินงาน ซึ่งจะต้องมีการร่วมมือกันวางแผน และเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละองค์กร ซึ่งจะต้องมีการคำนึงถึงความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเรื่องBCG ด้วย”

ส่วนภาระการคลังยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ระดับ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เงินคงคลังอยู่ที่ 6 แสนล้านบาท และหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบไม่เกิน 70%ต่อจีดีพี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 61% ด้านการจัดทำงบประมาณขาดดุลจะพยายามดูแลการขาดดุลไม่ให้เกิน 3%ของกรอบวงเงินงบประมาณ และนโยบายการคลังก็มีการจัดทำสวัสดิการให้ถูกฝาถูกตัว โดยเฉพาะการดูแลผู้สูงอายุ