ฝากรัฐบาลใหม่ ดันท่องเที่ยววาระแห่งชาติ ทบทวนค่าแรง 450 บาท

02 มิ.ย. 2566 | 17:02 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มิ.ย. 2566 | 17:29 น.

ธุรกิจท่องเที่ยวฝากรัฐบาลใหม่ ดันท่องเที่ยววาระแห่งชาติ เครื่องยนต์หลักกระตุ้นเศรษฐกิจ จี้แก้ปัญหาซัพพลายไซด์ รี-ดีไซน์ทำให้ท่องเที่ยวไม่กระจุก คนตัวเล็กได้ประโยชน์ด้วย พร้อมขอให้ทบทวนค่าแรง 450 บาท ซํ้าเติมธุรกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) อยากเห็นรัฐบาลใหม่หนุนท่องเที่ยวเครื่องยนต์หลักกระตุ้นเศรษฐกิจ จี้แก้ปัญหาซัพพลายไซด์ รี-ดีไซน์ทำให้ท่องเที่ยวไม่กระจุก คนตัวเล็กได้ประโยชน์ด้วย สมาคมโรงแรมกังวลนโยบายขึ้นค่า แรงงาน 450 บาท ซํ้าเติมธุรกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว กระทบเอสเอ็มอี วอนขอให้ทบทวน 

ท่องเที่ยวทำงานได้กับทุกรัฐบาล

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่าการเลือกตั้งคราวนี้ต้องถือว่าพรรคก้าวไกลมาแรงมาก แต่ท้ายสุดก็ต้องรอว่า รัฐบาลชุดใหม่ จะเป็นใครกันแน่ ซึ่งภาคการท่องเที่ยวเข้าได้กับทุกพรรคการเมืองอยู่แล้ว และหลังโควิด-19 คลี่คลายการท่องเที่ยวก็เป็นเครื่องยนต์หลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

ชำนาญ ศรีสวัสดิ์

แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวอยากเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการภายใน 100 วัน คือ อยากให้รัฐบาลใหม่เรียกภาคเอกชนเข้ามาระดมสมอง ในการแก้ปัญหาด้านการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างตรงจุด

ผลักดันท่องเที่ยววาระแห่งชาติ

ทำให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริง และผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ โดยขอให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในที่ประชุมร่วมกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กำกับภาคท่องเที่ยว เพราะการท่องเที่ยวมีความเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง การทำงานต้อง บูรณาการและมีผู้กุมบันเหียนเคาะโต๊ะ เพื่อให้งานเดินหน้าอย่างรวดเร็ว

ประกอบกับที่ผ่านมาคนที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวจะกระจุกตัวอยู่เฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวไม่กี่จังหวัด เช่น ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ ชลบุรี และธุรกิจขนาดกลางและใหญ่จะได้ประโยชน์ แต่คนตัวเล็ก รวมถึงจังหวัดส่วนใหญ่ยังมีโอกาสในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่น้อยมาก จึงอยากเห็นให้การท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นได้ประโยชน์กันทั้งประเทศ และเข้าสู่ฐานรากเพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์

ฝากรัฐบาลใหม่ ดันท่องเที่ยววาระแห่งชาติ ทบทวนค่าแรง 450 บาท

รี-ดีไซน์ การท่องเที่ยวใหม่

ผมเสนอว่ารัฐบาลใหม่ต้อง รี-ดีไซน์ การท่องเที่ยวใหม่ โดยฝั่งดีมานต์ ไม่มีปัญหาเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเฉลี่ยเดือนละ 2 ล้านคน และมีการเติบโตที่ดี แต่เรามีปัญหาเรื่องซัพพลายไซต์ ในการรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมขนาดเล็ก ที่ติดปัญหาเรื่องเงินทุน

เพราะติดขัดข้อกม.ไม่สามารถขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมได้ ทำให้ไม่สามารถกู้เงินได้ จึงอยากขอโอกาสให้กลุ่มคนตัวเล็ก การเติมทุน เติมนวัตกรรม เติมคน เพื่อยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนาดเล็ก

รวมถึงการเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว และการรักษาสมดุลระหว่างนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพและปริมาณ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่การท่องเที่ยวจะไม่เน้นปริมาณ เนื่องจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวมีหลายระดับตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ถ้าเอาแต่กลุ่มคุณภาพ คนตัวเล็กก็จะไม่ได้รายได้เลย คนก็จะตกงาน

แต่การเน้นปริมาณมากเกินไปก็จะมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรในการท่องเที่ยว แต่เราสามารถรักษาสมดุลได้โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 40 ล้านคนต่อปีเหมือนในอดีต แต่กระจายกลุ่มนักท่องเที่ยว เช่น นอกจากการขายหาดทรายชายทะเล ก็เพิ่มการเจาะกลุ่มการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การดึงกลุ่มประชุมสัมมนา เป็นต้น

ดังนั้นถ้ารัฐบาลมีความจริงจังและฟังความเห็นภาคเอกชน เดินหน้าไปพร้อมกัน ไทยจะเป็นมหาอำนาจด้านการท่องเที่ยวได้ เพราะอาหารไทย ซอฟต์ พาวเวอร์ ของไทย และการท่องเที่ยว ก็เป็นจุดขายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เป็นอย่างดี

อีกทั้งเมื่อการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่สำเร็จ ไม่ว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรี สทท.อยาก เห็นนายกฯคนใหม่เป็นแอมบาสเดอร์ โปรโมตการท่องเที่ยวของประเทศไทยดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นกลยุทธ์แบบควิกวิน (Quick-Win) กระตุ้นการเติบโตของภาคท่องเที่ยว ซึ่งมีศักยภาพเป็นแม่งานในการสร้างรายได้แก่เศรษฐกิจไทย

ห่วงนโยบายขึ้นค่าแรง 450 บาท

“สทท.สามารถทำงานร่วมกับทุกคนที่มาเป็นรัฐบาลใหม่ ขณะนี้การฟื้นตัวของดีมานด์นักท่องเที่ยวไม่น่ามีปัญหา นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยอาจถึงเป้าหมาย 25 ล้านคนในปีนี้ แต่สิ่งที่อยากฝากคือเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นตํ่า 450 บาท จะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในระดับเอสเอ็มอี

เรามองว่าการจ้างงานควรเป็นไปตามทักษะ ซึ่งวันนี้แรงงานในกลุ่มมีทักษะก็จะจ้างกันเกินค่าแรงขั้นตํ่าไปแล้ว รวมถึงความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวในบางพื้นที่ อาทิ ตราด จึงอยากให้รัฐบาลให้อนุมัติให้จ้างแรงงานต่างด้าวได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ดีกว่าแอบลักลอบเข้ามาทำงาน” นายชำนาญ กล่าวทิ้งท้าย

นางมาริสา สุโกศล นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เผยว่าสิ่งที่เป็นกังวลสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ คือ ถ้ามีการผลักดันนโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาท จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวในภาพรวม เนื่องจากในขณะนี้ธุรกิจท่องเที่ยวเพิ่งอยู่ในช่วงฟื้นตัว

มาริสา สุโกศล

โดยโรงแรมที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยดีส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ แต่โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ที่เป็นตลาดกรุ๊ปทัวร์ ก็ยังรอนักท่องเที่ยวอยู่ รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวเอสเอ็มอี ดังนั้นในขณะนี้ไม่ใช่ว่าทุกโรงแรมจะดีเท่าเทียมกัน

ดังนั้นการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทก็จะส่งผลกระทบอย่างมาก ซึ่งในกลุ่มแรงงานที่มีทักษะหรือมีความเชี่ยวชาญ ปัจจุบันค่าจ้างแรงงานก็เกิน 450 บาทไปแล้ว บางโรงแรมแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้วยการจ้างเป็นรายวัน วันละ 500-2,000 บาท แต่อีก 30% เป็นแรงงานภาคปฏิบัติงาน เช่น แม่บ้าน ทำความสะอาด คนสวน พนักงานล้างภาชนะ ที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ที่ยังต้องจ้างโดยอิงค่าแรงขั้นตํ่าอยู่ ถ้ามาปรับค่าแรงขึ้นตอนนี้ จะกระทบต่อธุรกิจมาก

เพราะในขณะนี้ธุรกิจโรงแรมก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เช่น ค่าไฟ ค่าบริหารจัดการโดยรวม รวมไปถึงการแข่งขันกันแย่งแรงงานในกลุ่มที่มีทักษะ จากปัญหาแรงงานท่องเที่ยวขาดแคลน และมีเรื่องต้องทยอยชำระหนี้ที่กู้ยืมมาช่วงโควิดที่ผ่านมาด้วย และค่าจ้างแรงงานก็เพิ่งปรับขึ้นมา เมื่อปีที่แล้ว

ประกอบกับค่าจ้างขั้นตํ่าเมื่อรวมกับเซอร์วิสชาร์ต ที่พนักงานได้รับ พนักงานก็อยู่ได้ จึงอยากจะวอนให้พิจารณาในเรื่องนี้ใหม่ ซึ่งการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทน่าจะต้องทำในเวลาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของธุรกิจหรือเศรษฐกิจ ไม่ใช่มาทำในขณะที่ธุรกิจเพิ่งจะเริ่มฟื้น