“อลงกรณ์” ฝากรัฐบาลใหม่สานต่อ 12 ก้าวใหม่ปฏิรูปภาคเกษตรไทย

27 พ.ค. 2566 | 14:53 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2566 | 15:13 น.

“อลงกรณ์” ฝากรัฐบาลใหม่สานต่อ “12 ก้าวใหม่ปฏิรูปภาคเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง” ชี้จะเป็นการปฏิรูปสร้างจุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อตอบโจทย์โอกาสของวันนี้และอนาคตของภาคเกตรไทยที่กำลังจะมาถึง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เขียนเฟซบุ๊กวันนี้ (27พ.ค.) เรื่อง "วิสัยทัศน์และภารกิจ( Vision & Mission)ก้าวใหม่ปฏิรูปภาคเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูงคืออนาคตที่ต้องรีบสร้างเป็นโอกาสในวิกฤติของไทย" โดยฝากรัฐบาลใหม่สานต่อว่า

ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบกว้างไกลทำให้เศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ ชะลอตัว ราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ยและอาหารสัตว์แพงขึ้น กระทบต่อราคาและระบบผลิตอาหารทั่วโลก เกิดภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นนับเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่ยาวนานมากว่า 3 ปีที่ยังไม่มีใครคาดเดาว่าจบลงเมื่อใด

แต่ในวิกฤติมีโอกาสเสมอองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) วิเคราะห์ว่าโลกกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารที่รุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศที่ขาดความมั่นคงทางอาหาร และนี่คือโอกาสของไทยในฐานะประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับต้น ๆ ของโลกที่จะปฏิรูปตัวเองสร้างความเข้มแข้งและขีดความสามารถใหม่ของประเทศไทย

อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ จะเล่าเรื่อง “12 ก้าวใหม่ที่กล้าเดินมิติใหม่ภาคเกษตรของไทย” เป็นแพลตฟอร์มการปฏิรูปสร้างจุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อตอบโจทย์โอกาสของวันนี้และอนาคตที่กำลังจะมาถึง เป็นการบริหารจากวิสัยทัศน์สู่การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายปฏิรูปภาคเกษตรด้วยนวัตกรรมการบริหารแบบบูรณาการทำงานเชิงรุกกับทุกภาคส่วนเป็นคานงัดสร้างจุดเปลี่ยนให้กับอนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน

  • ก้าวที่ 1 ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม

กระทรวงเกษตรฯได้จัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(Agritech and Innovation Center)เรียกสั้น ๆ ว่า ศูนย์ AIC 77 จังหวัดเป็นฐานการพัฒนาเชิงพื้นที่(Area based Development)ของเทคโนโลยีในทุกจังหวัดและจัดตั้งศูนย์ AIC ประเภทศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะด้าน(Center of Excellence:COE)อีก 23 ศูนย์ โดยศูนย์ AIC ทำหน้าที่เป็นศูนย์การวิจัยและพัฒนา(R&D)และเป็นศูนย์วิจัยพัฒนาและเป็นศูนย์อบรมบ่มเพาะเกษตรกรผู้ประกอบการและถ่ายทอดนวัตกรรมเน้นเมด อิน ไทยแลนด์ (Made In Thailand) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของเราเองโดยคิกออฟพร้อมกันทุกศูนย์ทุกจังหวัดทั่วประเทศเมื่อ 1 มิถุนายน 2563 วันนี้เรามีเทคโนโลยีเกษตรกว่า 800 นวัตกรรมที่ถ่ายทอดต่อยอดสู่แปลงนาแปลงสวนแปลงไร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่องกว่า 10,000 รายแล้ว

 

  • ก้าวที่ 2 ระบบบิ๊กดาต้าเกษตร

ได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ(National Agriculture Big Data Center:NABC)ภายใต้แพลตฟอร์มดิจิตัลใหม่ ๆ ตั้งอยู่ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.)เริ่มดำเนินการตั้งแต่มีนาคม 2563 ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีข้อมูล(Information Technology)คือเครื่องมือเอนกประสงค์ของทุกภารกิจและทุกหน่วยงานโดยกำลังเชื่อมต่อกับ Big Data ของหน่วยงานรัฐ เอกชน สถาบันเกษตรกรและศูนย์ AIC ทุกจังหวัดโดยจะให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลเกษตรในมิติต่างๆบนมือถือและคอมพิวเตอร์

  • ก้าวที่ 3  ดิจิตัล ทรานสฟอร์เมชั่น(Digital Transformation)

กำลังปฏิรูป 22 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ.ให้เป็นกระทรวงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (TechMinistry) ภายใต้โครงการ GovTech อย่างคืบหน้า ด้วยแพลตฟอร์มดิจิตัลทรานสฟอร์เมชั่น (Digital Transformation)เพื่อเปลี่ยนการบริหารและการบริการแบบอนาล็อคเป็นดิจิตอล เปลี่ยนการลงนามอนุมัติด้วยมือเป็นลายเซ็นดิจิตอล (Digital Signature) และเร่งรัดพัฒนาการโครงการ National Single Window สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ ฯลฯ เป็นการปฏิรูประบบราชการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ใหม่ในการทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

  • ก้าวที่ 4 เกษตรอัจฉริยะ

ได้ขับเคลื่อนฟาร์มอัจฉริยะ(smart farming)ตามแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆของไทย เช่น ระบบสมาร์ทฟาร์ม ระบบเซนเซอร์ตรวจวัดดินน้ำอากาศและการอารักขาพืช การพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร การปรับระดับพื้นแปลงเกษตร (Land Leveling) ระบบเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ (Sead Technology) ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ระบบชลประทานอัจฉริยะรวมทั้งการใช้โดรนการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและแพลตฟอร์มเกษตรดิจิตอล (Agrimap platform) โดยมีโครงการเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) 5 ล้านไร่

เป็นโครงการเรือธงโดยร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC : Agritech and Innovation Center) รวมทั้งการส่งเสริมการตลาดแบบออนไลน์ (Digital Marketing)โดยการสนับสนุนแพลตฟอร์มร้านค้าอีคอมเมิร์ซ และโครงการพัฒนาเกษตรกรเป็นนักการค้าออนไลน์ทุกจังหวัดเช่นโครงการ Local Hero เป็นต้น โดยมีทีมเกษตรอัจฉริยะ ทีมอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ทีม Big Data และ GovTech ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 รับผิดชอบ

  • ก้าวที่ 5 เกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง-ชนบท

ได้ริเริ่มโครงการใหม่ๆเช่นการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture Development )อย่างเป็นระบบมีโครงสร้างครอบคลุมทั่วประเทศเป็นครั้งแรกตอบโจทย์การขยายตัวของเมือง (Urbanization)ที่ขาดความมั่นคงทางอาหารและระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ (ประชากรไทยในเมืองมากกว่าในชนบทเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2562)

 ตลอดจนการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์โดยจัดตั้งสภาเกษตรอินทรีย์ PGS แห่งประเทศไทยได้สำเร็จเป็นครั้งแรก และการขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 1.3 ล้านไร่ การพัฒนาสวนยางยั่งยืนรวมทั้งการพัฒนาแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่บนฐานศาสตร์พระราชา 4,009 ตำบล และโครงการข้าวอินทรีย์ 1 ล้านไร่ โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล ฯลฯ.

นับเป็นการวางหมุดหมายใหม่ของระบบเกษตรกรรมยั่งยืนที่ประกอบด้วย เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน วนเกษตรและเกษตรธรรมชาติทั้งในเมืองและในชนบทครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ

  • ก้าวที่ 6 เกษตรแห่งอนาคต อาหารแห่งอนาคต

ได้ขับเคลื่อนนโยบายอาหารแห่งอนาคต พืชแห่งอนาคต(Future Food Future Crop)เพื่อสร้างเกษตรทางเลือกใหม่แปรรูปเป็นอาหารคน อาหารสัตว์ เวชสำอาง เวชกรรม น้ำมันชีวภาพเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ใหม่ ๆ ให้เกษตรกรของเราและเป็นสินค้าส่งออกตัวใหม่สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นการตอบโจทย์เทรนด์ของโลกยุค Next Normal ที่สนใจสุขภาพมากขึ้นหลังจากเกิดโควิดแพร่ระบาดไปทั่วโลก (Covid Pandemic) ได้แก่ การสนับสนุนโปรตีนทางเลือกจากแมลง (Edible Inseat base Protein) ตามนโยบายฮับแมลงโลก ปัจจุบันมีเกษตรกรกว่า 1 แสนรายทำฟาร์มแมลงเช่น ดักแด้ไหม ดักแด้อีรี่ จิ้งหรีด แมลงวันลาย (bsf) หนอนนก ฯลฯ

สอดรับกับนโยบายขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ที่ประกาศว่าแมลงกินได้ Edible Insect คืออนาคตใหม่ของโปรตีนโลกและทศวรรษแห่งโภชนาการ รวมไปถึงการส่งเสริมโปรตีนทางเลือกจากพืช (Plant base Protein)เช่น สาหร่าย ผำ เห็ด  แหนแดง ฯลฯมีบริษัท startupใหม่ ๆ เกิดขึ้นหลายบริษัท

ตลอดจนการเปลี่ยนวิสัยทัศน์และแนวทางใหม่โดยโฟกัสการผลิตและการตลาดใหม่แบบคลัสเตอร์เช่น คลัสเตอร์อาหารเจ (vegetarian) อาหาร Vegan และอาหาร Fleximiliam อาหารใหม่ (Novel food) และคลัสเตอร์อาหารฮาลาลซึ่งมีลูกค้ากลุ่มประชากรมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมกว่า 2 พันล้านคน มูลค่าตลาดกว่า 3 หมื่นล้านบาท

  • ก้าวที่ 7 โลจิสติกส์เกษตร เชื่อมไทย-เชื่อมโลก

ได้วางโรดแม็ปเส้นทางโลจิสติกส์เกษตรเชื่อมไทยเชื่อมโลกในระบบการขนส่งหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) ทั้งทางรถทางรางทางน้ำและทางอากาศ (Low Cost Air Cargo) เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงตลาดทั่วโลกและตลาดเป้าหมายใหม่เช่นโครงการดูไบคอริดอร์-ไทยแลนด์ คอริดอร์ (Dubai Coridor- Thailand Corridor),เส้นทางรถไฟอีต้าอีลู่(BRI)เชื่อมไทย-ลาว-จีน-เอเชียใต้-เอเชียตะวันออก-เอเชียกลาง-ตะวันออกกลาง-รัสเซียและยุโรป และกำลังเปิดประตูใหม่จากอีสานสู่แปซิฟิกไปทวีปอเมริกาเหนืออเมริกาใต้และเปิดประตูตะวันตกประตูใต้สู่ทะเลอันดามัน-อ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดียสู่เอเชียใต้ แอฟริกา ตะวันออกกลางและยุโรป

  • ก้าวที่ 8 เกษตรแปลงใหญ่ สตาร์ทอัพเกษตร

กำลังปรับเปลี่ยนเกษตรแปลงย่อยเป็นเกษตรแปลงใหญ่(Big Farm)ซึ่งขณะนี้ขยายเพิ่มเป็นกว่า 9,800 แปลงโดยมีการสนับสนุนเครื่องจักรกลเกษตรและระบบเกษตรอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปีนี้จะเริ่มโปรแกรมอัพเกรดวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ เกษตรแปลงใหญ่และสถาบันเกษตรเป็นสตาร์ทอัพเกษตร (startupเกษตร) และเอสเอ็มอี.เกษตร (SME เกษตร)

  • ก้าวที่ 9  ยกระดับเกษตรกรก้าวใหม่

พัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่เป็น young smart farmerได้กว่า 20,000 คน และส่งเสริมพัฒนาศูนย์ศพก.เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ระดับอำเภอโดยสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (smart farmer) ปราชญ์เกษตรและอาสาสมัครเกษตร (อกษ.)เป็นทีมงานแนวหน้าทุกหมู่บ้านชุมชนพร้อมกับยกระดับเกษตรกรที่มีประสบการณ์สู่ระบบคุณวุฒิวิชาชีพโดยร่วมมือกับภาคเอกชน ศูนย์ AIC สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพซึ่งเป็นองค์การมหาชนในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอว.และกระทรวงพาณิชย์

  • ก้าวที่ 10 เกษตรสร้างสรรค์สู่ The Brand Project

กำลังนำระบบทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual property) มาใช้ในการเดินหน้าสู่เกษตรสร้างสรรค์เกษตรมูลค่าสูงด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างแบรนด์ (Branding) ตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตเกษตร พืช ประมงและปศุสัตว์เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและประเทศภายใต้โครงการ เดอะ แบรนด์ โปรเจ็กต์(The Brand Project)

  • ก้าวที่ 11 การพัฒนาเชิงพื้นที่(Area base)ไม่มีเหลื่อมล้ำ

บริหารการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area base)ควบคู่กับการบริหารการพัฒนาเชิงคลัสเตอร์เช่น โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารทั้งหมด 18 กลุ่มจังหวัดครอบคลุม 77 จังหวัดเป็นศูนย์กลางการแปรรูปผลผลิตเกษตรตามศักยภาพของแต่ละกลุ่มจังหวัดเพื่อกระจายโอกาสการพัฒนาทุกภาคทุกจังหวัดไม่ให้เจริญแบบกระจุกตัวเหมือนที่ผ่านมาซึ่งก่อให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำของการพัฒนา

โดยปลายปี 2564 รัฐมนตรีเกษตรฯ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรทุกอำเภอทุกจังหวัดและปีนี้กำลังจัดตั้งคณะทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล7,435ตำบลให้แล้วเสร็จเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนระดับพื้นที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ยังริเริ่มและเดินหน้าอีกหลายโครงการเช่นการจัดตั้งองค์กรชุมขนประมงท้องถิ่นเกือบ 3,000 องค์กร การดำเนินการโครงการธนาคารสีเขียว (Green Bank) ตอบโจทย์ Climate Change โดยเพิ่มต้นไม้ลดก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งโครงการพัฒนาระบบความเย็น (Cold Chain) ตลอดห่วงโซ่อุปทานครอบคลุมทั่วประเทศและระบบแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลว(N2)แบบNitrogen Freezer เป็นต้น

  • ก้าวที่ 12 เปิดกว้างสร้างหุ้นส่วน (Partnership platform)

ความก้าวหน้าของงานแต่ละด้านเกิดจากการบริหารแบบเปิดกว้างสร้างหุ้นส่วน (Partnership platform) ในการทำงานกับทุกภาคีภาคส่วนเช่นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมต่าง ๆ สถาบันอาหาร มหาวิทยาลัยและวิทยาลัย สถาบันเกษตรกร สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย เครือข่ายองค์กรเอกชน ทุกกระทรวงและทุกพรรคการเมืองไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลโดยยึดประโยชน์บ้านเมืองมาก่อนประโยชน์ทางการเมืองได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจนำมาซึ่งความร่วมมืออย่างจริงจังและจริงใจ ประการสำคัญคือการทำงานอย่างทุ่มเทของคนกระทรวงเกษตรฯ

  • ศักยภาพใหม่สู่เกษตรมูลค่าสูง

 “มีงานหนักและอุปสรรครออยู่ข้างหน้าอีกมาก แต่ด้วยก้าวใหม่ ๆ ตามโรดแม็ปที่วางไว้ เราเดินเข้าใกล้เป้าหมายในทุกก้าวที่กล้าเดินเพื่อปรับรากฐานเดิมสร้างกลไกใหม่สำหรับยกระดับอัพเกรดภาคเกษตรกรรมของไทยสู่เกษตรมูลค่าสูงภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของ รัฐมนตรี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน

การปฏิรูปรากฐานใหม่ของภาคเกษตรกรรมด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ให้กับเศรษฐกิจฐานรากและสร้างความพร้อมของประเทศในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆของวันนี้และวันหน้าเป็นอนาคตที่ต้องรีบสร้าง จึงขอฝากรัฐบาลใหม่สานต่อด้วย” นายอลงกรณ์ กล่าว