หวั่น ‘จีนเทา’รุกคืบหนัก ธุรกิจ ‘อีสาน’ กางปีกสกัด

27 เม.ย. 2566 | 17:03 น.
อัปเดตล่าสุด :27 เม.ย. 2566 | 17:16 น.

ยิ่งถูกไล่รื้อปัญหา “จีนเทา” ยิ่งฉาวโฉ่ กรณีล่าสุดที่เชียงใหม่ สะท้อนการแทรกซึมสู่หัวเมืองท่องเที่ยวทั่วเมืองไทย และขยายวงสู่ธุรกิจปกติ ที่ให้บริการอยู่โดยทั่วไป

ก่อความกังวลแก่ภาคเอกชนพื้นที่อุดรธานี-หนองคาย จากที่ตั้งเป็นเมืองหน้าด่านรับคลื่นนักเดินทางด้วยรถไฟจีน-ลาว ที่บางส่วนจะข้ามโขงสู่พื้นที่ชั้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 

ด้วยความวิตกว่า ทุนจีนเทาจะ เข้ามาไล่ซื้อและฮุบกิจการทุนท้องถิ่น ขณะที่เห็นว่าอำนาจของท้องถิ่นที่มีไม่สามารถควบคุมให้มีประสิทธิภาพได้ จึงส่งสัญญาณถึงรัฐบาลกลางให้ใช้มาตรการเด็ดขาด พร้อมเตือนนักธุรกิจท้องถิ่นให้ระมัดระวังการทำธุรกิจกับกลุ่มทุนจีน หากพบเหตุผิดปกติรีบเตือนภัยทันที

หวั่น ‘จีนเทา’รุกคืบหนัก ธุรกิจ ‘อีสาน’ กางปีกสกัด

 

หวั่น ‘จีนเทา’รุกคืบหนัก ธุรกิจ ‘อีสาน’ กางปีกสกัด

นางสุกานดา พันธุ์เสือ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า น่ากังวลพอสมควร เพราะจีนมีทั้งเงินทั้งคน สามารถทุ่มเข้าไปในพื้นที่เป้าหมายได้เต็มที่ เห็นตัวอย่างได้ชัดในลาว คือเขตเศรษฐกิจพิเศษบึงธาตุหลวง นครหลวงเวียงจันทน์ ที่เป็นการลงทุนของทุนจีนแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร

ปัญหาลุกลามมาถึงธุรกิจทัวร์ด้วย เพราะกลุ่มทัวร์คนจีนที่เดินทางมาเวียงจันทน์ ใช้บริษัททัวร์คนจีน นำไกด์จีนมาด้วย จะพาเข้าที่พัก กินอาหาร ไปร้านของที่ระลึก ทุกอย่างที่เป็นของทุนจีนทั้งหมด และเคยข้ามมาหาโอกาสธุรกิจในหนองคายกันบ้างแล้ว

หวั่น ‘จีนเทา’รุกคืบหนัก ธุรกิจ ‘อีสาน’ กางปีกสกัด

หวั่น ‘จีนเทา’รุกคืบหนัก ธุรกิจ ‘อีสาน’ กางปีกสกัด

“นักธุรกิจหนองคายหารือกันและกำชับ ให้ระมัดระวังการจะร่วมลงทุน หรือตัดสินใจทำธุรกิจร่วมกัน ต้องตรวจสอบให้ดี หากจำเป็นต้องให้หน่วยงานความมั่นคงร่วมตรวจข้อมูลโดยละเอียดก่อน พร้อมทั้งแจ้งฝ่ายปกครองจังหวัดหนองคายอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้วางแนวทางป้องกัน ได้แล้ว”

ทั้งนี้ หนองคายเป็นเมืองน่าอยู่ ชาวหนองคายต้อนรับนักลงทุนทุกชาติ ที่จริงใจและตั้งใจเข้ามาลงทุนในจังหวัดด้วยความยินดี และพร้อมร่วมมือช่วยเหลือด้วยความเป็นมิตรและเพื่อนบ้านที่ดี ขอแต่อย่าเข้ามาสร้างปัญหาให้กับท้องถิ่น นางสุกานดากล่าว

หวั่น ‘จีนเทา’รุกคืบหนัก ธุรกิจ ‘อีสาน’ กางปีกสกัด

ด้านนางพรพิมล กังวานตระกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า อุดรธานีเป็นพื้นที่เป้าหมายหนึ่งของนักลงทุนจีน ขณะที่ ไทยต้องการดึงดูดทั้งการลงทุน และนักท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ประเเทศ แต่ก็จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย ไม่ใช่ปล่อยให้ทุนใหญ่หรือต่างชาติเข้ามาตักตวงฝ่ายเดียว ไม่แบ่งปันให้พื้นที่ กลายเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็ก

“ทุนจีนเปลี่ยนรูปแบบจากทัวร์ศูนย์เหรียญมาเป็นรูปแบบใหม่ หรือทัวร์อั้งยี่ ที่ซื้อขายใช้บริการกันเองภายในกลุ่มของทุนจีนทั้งหมด ผลประโยชน์ไม่เกิดกับคนในพื้นที่เลย ยิ่งหากผู้ประกอบการพื้นที่ไม่ร่วมมือกันหาแนวทางป้องกัน ก็จะเกิดปัญหาซํ้ารอยกับที่เชียงใหม่” นางพรพิมลกล่าว

ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันหาทางแก้ไข ป้องกันปัญหาทุนต่างชาติเข้ามาฮุบกิจการ ธุรกิจพื้นที่ กรณีไกด์ชาวจีนถือวีซ่าชั่วคราวเข้ามาแล้วกระจายไปอยู่หัวเมืองท่องเที่ยว ทั้งที่ตามกฎหมาย อาชีพมัคคุเทศก์นำ เที่ยวหรือไกด์ เป็นอาชีพสงวนของคนไทย ห้ามต่างชาติทำ ภาครัฐต้องจัด การปัญหานี้อย่างเด็ดขาด

ปัญหานี้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังวหวัดอุดรธานี จะร่วมมือกับหอการค้าจังหวัดอุดรฯ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดอุดรฯ เสนอในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัด กลุ่มจังหวัด เพื่อนำเข้าที่ประชุมส่วนกลางต่อไป หรืออาจทำเป็นหนังสือของภาคเอกชนอุดรธานี ถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้จัดการ ปัญหาดังกล่าว

หวั่น ‘จีนเทา’รุกคืบหนัก ธุรกิจ ‘อีสาน’ กางปีกสกัด

ด้านนายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดอุดรธานี และประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หอการค้าไทย เผยว่า อุดรธานีเป็นจังหวัดเป้าหมายของนักธุรกิจจีน เพราะอยู่ในเส้นทางตามยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน โดยมีอีกหลายจังหวัดที่มีศักยภาพและเป็นเป้าหมาย ซึ่งมีสัญญาณว่าทัพนักธุรกิจจีนมาแน่

จีนมีทั้งอำนาจคนและอำนาจเงิน จึงน่าเป็นห่วงว่าถ้าเอกชนนักธุรกิจในพื้นที่ไม่เคลื่อนไหว ทุนจีนจะขยับเข้ามาแทน เพื่อ เติมเต็มสิ่งที่ท้องถิ่นยังขาด ปัญหาคือท้องถิ่นได้รับมอบอำนาจจากส่วนกลางมาให้ดูแล เรื่องนี้มากน้อยเพียงใด

ปัญหาคือนักลงทุนจีนส่วนหนึ่ง เป็นบุคคลที่มีปัญหาทางกฎหมายกับทางการจีน หรือเป็นบุคคลที่หลบหนีความผิดจากจีน เข้ามาดำเนินธุรกิจเทาๆ จึงต้องมีการเข้มงวดตรวจสอบในเรื่องปัญหาดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลเองก็น่าจะทราบปัญหาดี ควรที่จะต้องมีมาตรการเด็ดขาดกับกลุ่มคนที่ก่อปัญหา ก่อนหน้านี้มีการปรึกษากับทางจังหวัด เพื่อเตรียมมาตรการควบคุมติดตามสอดส่องแต่เนิ่นๆ

“ในฐานะภาคเอกชนที่ต้องดูแลทั้ง 20 จังหวัดของอีสาน จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังนักธุรกิจ ผู้ประกอบการธุรกิจประเภทต่างๆ ต้องมีความรอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน ในการร่วมกันลงทุน หรือการขาย ให้เช่ากิจการกับนักธุรกิจจีน หากพบสงสัยหรือพบสิ่งผิดปกติ สามารถแจ้งกับหอการค้าจังหวัดทุกแห่งได้ทันที” นายสวาท กล่าวยํ้า 

 

ยงยุทธ ขาวโกมล/รายงาน
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,882 วันที่ 27-29 เมษายน พ.ศ.2566