“เซ็นทารา”อัดหมื่นล้าน ดัน TOP 100 เชนโรงแรมโลก

01 เม.ย. 2566 | 12:40 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2566 | 12:57 น.

“เซ็นทารา”วางเป้าหมายในช่วง 5 ปีนี้ที่ จะเพิ่มจำนวนโรงแรมไม่น้อยกว่า 92 แห่ง รวมจำนวนห้องพัก 19,348 ห้องใน 13 ประเทศ เพื่อก้าวเข้าสู่ 1 ใน 100 เชนโรงแรมชั้นนำระดับโลก ภายใน 5 ปี รวมถึงขยายการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและอาหารในช่วง 3 ปีนี้อีกร่วม 11,800-19,000 ล้านบาท

ปัจจุบันเซ็นทารามีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือที่เปิดให้บริการแล้ว 50 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 42 แห่ง ภายใต้เป้าหมายในช่วง 5 ปีนี้ จะเพิ่มจำนวนโรงแรมไม่น้อยกว่า 92 แห่ง รวมจำนวนห้องพัก 19,348 ห้องใน 13 ประเทศ เพื่อก้าวเข้าสู่ 1 ใน 100 เชนโรงแรมชั้นนำระดับโลก ภายใน 5 ปี รวมถึงขยายการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและอาหารในช่วง 3 ปีนี้อีกร่วม 11,800-19,000 ล้านบาท

  • ตั้งเป้าดันเซ็นทารา TOP 100 เชนโรงแรมโลก

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดแผนการดำเนินธุรกิจของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราในช่วง 5 ปีนี้ ว่า ภายในปี 2570 เซ็นทาราวางเป้าหมายเพิ่ม โรงแรมในพอร์ตโฟลิโอ ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของเซ็นทาราเพิ่มอีก 2 เท่าตัว คือ จากที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว 50 แห่ง รวม 10,406 ห้อง เพิ่มมาเป็น 92 แห่ง รวมจำนวน19,348 ห้อง โดยจะเน้นขยายโรงแรมในลักษณะการรับบริหารทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

ส่งผลให้เซ็นทาราจะมีสัดส่วนจำนวนห้องพักโรงแรมในไทย ที่เปิดให้บริการอยู่แล้วในประเทศไทย 76% และโรงแรมที่เราเป็นเจ้าของและร่วมลงทุนอยู่ที่49% หากรวมจำนวนห้องพักโรงแรมในพอร์ทโฟลิโอทั้งหมด จะอยู่ในไทย 54% และเป็นโรงแรมที่เราลงทุนและร่วมทุน คิดเป็นสัดส่วน 31% และการเพิ่มจำนวนห้องพักตามแผนดังกล่าว ก็จะทำให้เซ็นทารามีจำนวนโรงแรมก้าวเข้าสู่ 1 ใน 100 เชนโรงแรมชั้นนำระดับโลก ภายในปี 2570 จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 150 เชนโรงแรมชั้นนำระดับโลก

ในปีนี้เซ็นทาราจะเปิดโรงแรมและรีสอร์ทแห่งใหม่ 6 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นการรับบริหารซึ่งมีทั้งโรงแรมที่บมจ.เซ็นทรับพัฒนา(CPN)เป็นผู้ลงทุน อย่าง โรงแรมเซ็นทารา อุบลราชธานีที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 โรงแรมเซ็นทารา ระยอง เปิดให้บริการไตรมาส 3 ปีนี้ โรงแรมเซ็นทารา วัน อยุธยา เปิดไตรมาส 4 ปีนี้ และการรับบริหารโรงแรมให้นักลงทุนรายอื่น เช่น โรงแรมเซ็นทรา สมุย และโรงแรมเซ็นทรา สุราษฎร์ธานี เปิดให้บริการไตรมาส 3 ปีนี้ ส่วนในปีหน้าจะเปิดโรงแรมที่หลวงพระบาง ลาว เป็นต้น

รวมถึงการลงนามสัญญาบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 5 แห่งในไทย ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จังหวัดกระบี่ และจังหวัดเชียงราย นอกจากนี้เรายังมีโรงแรมที่ได้ร่วมลงทุนไว้ในญี่ปุ่น คือ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา ที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ และเราก็ยังมองถึงการร่วมลงทุนขยายโรงแรมในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 1 แห่งด้วย

โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา ในช่วง 5 ปีนี้

ทั้งเซ็นทารายังมีแผนเปิดสำนักงานในหัวเมืองสำคัญอย่างโฮจิมินห์ เซี่ยงไฮ้ และดูไบในปีนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงมีแผนเปิดสำนักงานเพิ่มอีกแห่งในโอซาก้าในปีหน้า เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจในภูมิภาค รวมถึงลงนามบริหารโรงแรมในต่างประเทศเพิ่มเติม อาทิ เวียดนามและกาตาร์

  • ทุ่มหมื่นล้านบาทลงทุนช่วง 3 ปีนี้

นอกจากนี้เซ็นทารายังมีแผนจะเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 3 แห่งที่มัลดีฟส์ จากปัจจุบันที่เซ็นทาราเปิดให้บริการโรงแรมที่มัลดีฟส์อยู่แล้ว 2 แห่ง โดยจะเป็นการลงทุนใน 3 เกาะของเราที่ตอนนี้เริ่มกลับมาทุนใหม่อีกครั้ง หลังจากชลอการลงทุนในช่วงโควิดก่อนหน้านี้ คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2568

 

โดยแผนลงทุนโรงแรมในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ของ CENTEL ปีนี้อยู่ที่ 11,800-19,000 ล้านบาท(ธุรกิจโรงแรม-ธุรกิจอาหาร) ปีนี้อยู่ที่ 3,400-5,800 ล้านบาท ปี 2567 อยู่ที่ราว 5,600-8,600 ล้านบาท ปี 2568 อยู่ที่ 2,800-5,500 ล้านบาท สำหรับการลงทุนธุรกิจโรงแรมของเราที่มัลดีฟส์

ได้แก่ โรงแรมเซ็นทารา มิราจ มัลดีฟส์, โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มัลดีฟส์ และโรงแรมเซ็นทารา รีเซิร์ฟ มัลดีฟส์ เกาะละ 1 โรงแรมใช้งบลงทุนราว 5,000 ล้านบาท (ไม่รวมค่าถมดิน) รวมไปถึงการปรับปรุงโรงแรมเซ็นทารา กะรน ภูเก็ต ใช้งบราว 700-800 ล้านบาท และปรับปรุงโรงแรมเซ็นทารา มิราจ พัทยา วงเงิน 1,100-1,200 ล้านบาท

เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ CENTEL ในปีนี้เรา มองว่าเป็นปีที่การท่องเที่ยวจะ recovery เราตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท สูงเกินปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ราว 9 พันล้านบาท เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวไทยหลังโควิดเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวมีคุณภาพทำให้เซ็นทาราปรับราคาขายห้องพักได้เพิ่มขึ้น บางโรงแรมปรับเพิ่มได้สูงกว่าปีก่อนเกิดโควิดในปี 2562 ไปแล้ว

อีกทั้งในปีนี้เซ็นทารา คาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ย ในปี 2566 จะอยู่ที่ 65-72% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) เติบโต 30-37% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3,250-3,400 บาท การเติบโตของ RevPar มาจากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น และราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรงแรมต่างประเทศ เช่น มัลดีฟส์ ดูไบ และญี่ปุ่น ที่ราคาเฉลี่ยสูงกว่าราคาห้องพักในไทย

ขณะที่การทำตลาดลูกค้าคนไทยจะเน้นการตลาดฐานลูกค้าสมาชิกเซ็นทาราเดอะวัน (CentaraThe1) ซึ่งในปัจจุบันมีฐานลูกค้าในโปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันแล้วกว่า 7 ล้านคน และตั้งเป้าปีนี้จะเพิ่มให้ได้มากกว่า 8 ล้านคน ส่วนการขยายฐานลูกค้าจากต่างประเทศก็มองทั้งยุโรป ตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่เดินทางเข้าไทยต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงไฮซีซันนี้