ส่งออก"ข้าวไทย"ยังยืนหนึ่งในตลาดแอฟริกา

16 มี.ค. 2566 | 01:30 น.

ข้าวไทยยังเป็นที่หนึ่งตลาดแอฟริกาหลังเคนยาบริโภคข้าวเพิ่ม “พาณิชย์”แนะผู้ส่งออกเร่งทำตลาด มีโอกาสทั้งส่งออกเครื่องจักรกลการเกษตร และสินค้าที่เกี่ยวกับการเพาะปลูก คาดปีนี้เคนยานำเข้าข้าว6.4แสนตัน

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการบริโภคข้าวในเคนยาเพิ่มขึ้นจากเดิม 2 เท่าตัว จาก 12 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ในปี 2551 เพิ่มเป็น 23 กิโลกรัมต่อคนต่อปีในปัจจุบัน และเคนยาได้แก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าวเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศ

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

ทำให้ยังคงมีความต้องการนำเข้าข้าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากปากีสถาน แทนซาเนีย อินเดีย ยูกานดา และไทย โดยปีนี้คาดว่าต้องการนำเข้า 640,000 ตัน

 

ในปัจจุบันชาวเคนยาจำนวนมากได้หันมาบริโภคข้าวมากกว่าการบริโภคผลผลิตจากข้าวโพดแบบดั้งเดิมอย่างอูกาลี (Ugali คือ อาหารพื้นเมืองแอฟริกันทำจากแป้งข้าวโพด) และข้าวอาจกลายมาเป็นธัญพืชที่มีการบริโภคมากที่สุดในประเทศได้อย่างไม่ยากในอนาคตอันใกล้นี้

ส่งออก\"ข้าวไทย\"ยังยืนหนึ่งในตลาดแอฟริกา

จากข้อมูลที่ทูตพาณิชย์รายงานมาจึงเป็นทั้งผลบวกและลบกับการส่งออกข้าวของไทย แต่ผลบวกจะมีมากกว่า โดยในด้านบวกความต้องการข้าวในปริมาณเพิ่มขึ้น หมายถึงตลาดข้าวที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น และประเทศไทยซึ่งส่งออกข้าวมาเคนยากว่า 600 ล้านบาทในปี 2565 ก็จะมีตลาดมากขึ้นตามไปด้วย

และการที่เคนยามีความจำเป็นต้องปลูกข้าวมากขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าเครื่องจักรกลทางการเกษตรมีมากขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการเครื่องจักรกลทางการเกษตร หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการปลูกข้าว สามารถเร่งขยายตลาดการส่งออกสินค้าดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น

ส่งออก\"ข้าวไทย\"ยังยืนหนึ่งในตลาดแอฟริกา

ส่วนผลกระทบด้านลบ หากเคนยาสามารถเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูกได้จริง และมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามที่มีนโยบายแล้ว การส่งออกข้าวไปยังเคนยาของไทยก็จะทำได้ปริมาณลดลง และหากเคนยามีศักยภาพในการปลูกข้าวได้มากจนสามารถส่งออกได้แล้ว เคนยาซึ่งมีค่าแรงและต้นทุนถูกกว่าไทย ตลอดจนได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีนำเข้าที่ได้รับการยกเว้นในตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ก็จะทำให้ในอนาคตไทยอาจมีคู่แข่งในการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น เพราะข้าวของเคนยามีคุณลักษณะคล้ายคลึงกับข้าวขาวของไทย เวียดนาม กัมพูชาหรือเมียนมา ที่เป็นข้าวพื้นนุ่ม แต่เชื่อว่าคงต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน

ส่งออก\"ข้าวไทย\"ยังยืนหนึ่งในตลาดแอฟริกา

 “กรมฯแนะว่าไทยควรเปลี่ยนมุมมองการส่งออกข้าวไปยังแอฟริกา และหันมาเริ่มมองแอฟริกาในการก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งได้ในอนาคต มากกว่าที่จะเห็นเป็นเพียงตลาดในการส่งออก และควรหันมาสร้างตลาดในสินค้าใหม่ ๆ ที่แปรรูปจากข้าวให้มากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าที่อาจแข่งขันได้น้อยลงในอนาคต”