PM2.5 ไทยพุ่ง จุดความร้อนลดลงและยังพบมากในเขตป่าอนุรักษ์

09 มี.ค. 2566 | 10:26 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มี.ค. 2566 | 10:35 น.

GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี ของวันที่ 8 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อน จำนวน 1,237 จุด เมียนมาร์ยังนำโด่งจำนวน4,949 จุด

GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 8 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อน จำนวน 1,237 จุด เมียนมาร์ยังนำโด่งจำนวน4,949 จุด สปป.ลาว 2,913 จุด กัมพูชา 1,888 จุด เวียดนาม 426 จุด และมาเลเซีย 18 จุด

สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่า

  • อนุรักษ์ 517 จุด
  • พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 295 จุด
  • พื้นที่เกษตร 195 จุด
  •  พื้นที่เขต สปก. 111 จุด
  • พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 107 จุด
  • และพื้นที่ริมทางหลวง 12 จุด
  • ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ กาญจนบุรี 221 จุด

ค่าฝุ่น

 ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 10:00 น. ที่ผ่านมา พบว่าหลายพื้นที่ของประเทศอยู่ในระดับสีส้มและสีแดง แสดงให้เห็นว่าเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด และเริ่มส่งผลต่อสุขภาพ อาทิ กำแพงเพชร พะเยา สุโขทัย น่าน ลำพูน  แพร่  เลย  อุตรดิตถ์  ลำปาง  ลพบุรี เป็นต้น

ในขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อยู่ระดับสีส้มเช่นกัน โดยพบค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดที่เขตบางนา  ประเวศ  บางรัก คลองเตย  พระโขนง สาทร  วัฒนา  ยานนาวา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา

 

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากประแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่

ที่มา:GISTDA