ถอดสูตรซีอีโอ "หมอเส มาสเตอร์พีซ" สู่โรงพยาบาลศัลยกรรมมีชื่อระดับโลก

21 ก.พ. 2566 | 14:17 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.พ. 2566 | 15:57 น.
1.0 k

โรงพยาบาลศัลยกรรม “มาสเตอร์พีซ” ถูกพูดถึงอีกครั้ง หลัง “หมอเส นพ.ระวีวัฒน์”นำบริษัทเข้าตลาดเมื่อ ม.ค.66 ขึ้นแท่นหุ้น IPO ที่ราคาต่อหน่วยสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เบื้องหลังความสำเร็จตลอด 9 ปีของหมอเส คืออะไร The Successor จะพาไปหาคำตอบ

หากจะพูดถึง รพ.ศัลยกรรมความงามในประเทศไทย ที่ให้บริการแบบครบวงจร และเป็นที่รู้จักในกลุ่มชาวต่างชาติ ถึงกับลงทุนบินมาเพื่อทำศัลยกรรมโดยเฉพาะ คงต้องยกให้ “มาสเตอร์พีช” ปัจจุบันกลายเป็น รพ.ศัลยกรรมใหญ่ที่สุดในอาเซียน

จุดเริ่มต้นจากคลินิคเสริมความงามตึกแถวห้องเดียวเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้ ธุรกิจขยับขยายมาเป็นโรงพยาบาล จำนวนยูนิตมากขึ้น จำนวนหมอจากที่เมื่อก่อนมีคนเดียว ก็เพิ่มมาเป็น 50 คน และจำนวนแผนกศัลยกรรมที่หลากหลายมากขึ้น

MASTER เข้าตลาดหุ้น สร้างประวัติศาสตร์ราคา IPO

มกราคม 2566 ที่ผ่านมา มาสเตอร์พีซ เปิดระดมทุนในตลาด mai ใช้ชื่อหุ้นว่า “MASTER” เคาะราคาจองซื้อหุ้น IPO ที่ระดับ 46 บาทต่อหุ้น ขึ้นแท่นหุ้น IPO ที่มีการกำหนดราคาหุ้นต่อหน่วยสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย แซงหน้ากัลฟ์ เอ็นเนอร์จี (GULF) เซ็นทรัล รีเทล (CRC) และ เบทาโกร (BTG)

วันที่ 25 มกราคม 2566 เปิดซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ราคาหุ้น 62.25 บาท  ซึ่งสูงขึ้น 35.33% จากราคาไอพีโอ 46 บาท มาสเตอร์พีช ตั้งเป้าการเติบโตในปี 2566 ไว้ที่ 40% และปี 2567 ที่ 40% 

 

ถอดสูตรซีอีโอ  \"หมอเส มาสเตอร์พีซ\"  สู่โรงพยาบาลศัลยกรรมมีชื่อระดับโลก

 

จบหมอแต่รู้สึกไม่ท้าทายพอ จึงเบนเข็มทำธุรกิจ

หมอเส จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จากนั้นได้มาช่วยงานธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของคุณพ่อ (นพ.ระวี มาศฉมาดล) ที่สุราษฐ์ธานี หมอเสเล่าว่าทำงานได้แค่เพียงวันเดียว ก็ตัดสินใจเข้ามาทำงานในกรุงเทพ 3 เดือนเพื่อค้นหาตัวเอง และค้นพบว่าแค่รักษาเฉยๆไม่ได้คิดไม่ได้ทำอะไรมากนัก เลยคิดอยากเริ่มต้นธุรกิจ เปรียบเสมือน

"เรามี Lemone เราก็ควรทำ Lemonade ต่อยอดอย่างไร"

หมอเสจึงเริ่มเปิดคลินิคดูแลรักษาเกี่ยวกับผิว จากนั้นได้ไปศึกษาเพิ่มเรื่องการร้อยไหม จนเป็นผู้เชี่ยวชาญและให้ความรู้หมอทั่วประเทศในเวลานั้น 

มองธุรกิจไปข้างหน้า อะไรมาแน่ในอนาคต

เวลานั้นคนส่วนใหญ่มองว่าร้อยไหมคืออนาคต แต่หมอเสมองว่าธุรกิจสถาบันความงามไม่น่าจะหยุดที่การร้อยไหม แต่ “ศัลยกรรมความงาม คืออนาคต” จึงมุ่งมั่นเบนเข็มธุรกิจมาที่การทำศัลยกรรม 

ช่วงที่เริ่มต้นเปิดทำศัลยกรรมนั้นเอง การศัลยกรรมที่เกาหลีก็เริ่มเป็นที่นิยมแล้ว โดยอยู่ในเวฟแรก  หมอเสมองว่า “ฮับการทำศัลยกรรมของโลกที่ต่อไป ต้องเป็นเมืองไทยเท่านั้น” จึงบินไปศึกษาอบรมที่เกาหลี แล้วเอาความรู้กลับมาต่อยอดและสร้างระบบของตัวเอง จนเวลานี้ชาวต่างชาติบินมาทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซจำนวนมาก

รายได้หลักของมาสเตอร์พีซมาจากศัลยกรรมจมูก โดยช่วงก่อนโควิดมีสัดส่วนรายได้สูงถึง 40% แต่หลังจากนั้นบริการอื่นๆก็เพิ่มผลประกอบการให้บริษัทได้เช่นกัน เช่น การทำตา 2 ชั้นที่เป็นเทคนิคเฉพาะของมาสเตอร์พีซ การปลูกผม ตัดหนังหน้าท้อง สุขภาพท่านชาย เป็นต้น

แม้ว่าจะไม่ใช่คลินิคเจ้าแรกๆที่ทำศัลยกรรม แต่ “มาสเตอร์พีซ เป็นแห่งแรกที่นำระบบมาใช้บริหารจัดการ” จนขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นกลายเป็นโรงพยาบาลในปัจจุบัน 

ถอดสูตรซีอีโอ  \"หมอเส มาสเตอร์พีซ\"  สู่โรงพยาบาลศัลยกรรมมีชื่อระดับโลก

 

MASTER จะเป็นปลาใหญ่และเร็ว

หมอเสกล่าวว่า ปลาเร็วมักกินปลาช้า ใครช้าอยู่รอดยาก หลังจากนี้ที่มาสเตอร์พีซเข้าสู่ตลาด  เราจะไม่ใช่เเค่ปลาเร็ว แต่เราจะเป็นทั้งปลาใหญ่และเป็นปลาเร็วด้วย  

“ เราจะไม่ใช่เเค่ปลาเร็ว แต่เราจะเป็นทั้งปลาใหญ่และเป็นปลาเร็วด้วย”

การเข้าสู่ตลาดหุ้น mai เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้น หลังจากเตรียมบริษัทให้มีความพร้อม 9-10 ปี เปรียบเสมือนการเตรียมร่างกายเพื่อพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์  ทันทีที่ได้รับทราบว่าได้รับการอนุมัติให้ระดมทุน ไม่มีการฉลองแต่อย่างใด แต่หมอเสเรียกทีมงานทุกคนมาทำความเข้าใจว่าเราต้องทำงานให้หนักเหมือนเดิม ช่วงนี้เป็นการขยายการเติบโตโดยไม่มีอะไรกังวลอีกแล้ว

 

หลักการบริหารธุรกิจแบบหมอเส

อันดับแรก ต้องมี "Discipline" คือ วินัย ทำในสิ่งที่ทำแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเอง และทำซ้ำ แต่วินัยอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ  แต่ต้องมี "Intregity" คือ มีความซื่อตรง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้มาสเตอร์พีซมีวันนี้ได้ “Win ของคุณ ก็คือ Win ของเรา” 

 แต่หนทางช่วงที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรค หมอเสเล่าว่า เจอปัญหาทั้งคน ความเสี่ยงการทำงาน หมอเสเน้นย้ำกับทีมงานว่า

 “เวลาเจออุปสรรคเหมือนเจอความมืด นั่งด่าความมืดไปไม่มีประโยชน์ จุดตะเกียงดีกว่า" เราทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรได้อีก คิดอย่างเป็นระบบ อาศัยความทุ่มเท มันคือ “ความรับผิดชอบ” 

 

อยากสำเร็จต้องอดทน และขยัน

หลายครั้งที่หมอเสเจอปัญหา และถามตัวเองว่าเราอดทนมากพอมั้ย เราอยากได้มันจริงๆหรือเปล่า เพราะมีความเชื่อหลากแบบ มันมีถึงแค่อยาก หรือจะเอามันมาให้ได้ ทุกคนที่สำเร็จต้องมีความเชื่อให้มากพอ และทำซ้ำ ยังไงก็สำเร็จ

อีก 1 ข้อคิดที่เป็นคติประจำใจของหมอเส  คือ คำพูดของ “ไอน์สไตน์”ที่ว่า

 “ระหว่างพรสวรรค์ กับ ความขยัน ข้าพเจ้าไม่ลังเลที่จะเลือกอย่างหลัง เพราะความขยันคือต้นเหตุของความสำเร็จ”

 

สรุป

เพราะการบริหารธุรกิจให้สำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับ  การมุ่งเน้นแต่ผลกำไร โดยไม่สนใจลูกค้า หรือพนักงาน ซีอีโอควรต้องทุ่มเท อดทนและต้องไม่หยุดคิด ไม่หยุดพัฒนา เพื่อให้องค์กรเติบโตได้ 

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าหมอเส ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล  ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่โชคช่วยแต่มาจากความเชื่อ ความมีวินัย และความมุมานะเพื่อที่จะทำให้สำเร็จ

 

สามารถรับชมคลิปสัมภาษณ์เต็มในรายการ "The Sucessor สูตรสำเร็จซีอีโอ" 

Youtube : https://youtu.be/yRpnD2YVzqU

Facebook : https://fb.watch/iQdpBvV5Bt/?mibextid=cr9u03

 

ถอดสูตรซีอีโอ  \"หมอเส มาสเตอร์พีซ\"  สู่โรงพยาบาลศัลยกรรมมีชื่อระดับโลก