“ตรุษจีน” คึกคัก กำลังซื้อพุ่งรอบ 15 ปี ปลุกเศรษฐกิจไทย

21 ม.ค. 2566 | 10:32 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ม.ค. 2566 | 10:37 น.

“ตรุษจีน” ปลุกเศรษฐกิจไทย ม.หอการค้าฯ คาดเงินสะพัด 4.5 หมื่นล้าน 5 กลุ่มสินค้าเฮง คนแห่ซื้อเพิ่ม พ่วงแพ็กเกจทัวร์-ร้านอาหารคึกคัก กลุ่มวันสยาม-เดอะมอลล์ แข่งจัดอีเวนต์ “เซ็นทรัล” คาดฟัน 6 พันล้าน ร้านทองยิ้ม คนซื้อเพิ่ม 20% ททท.คาดสร้างรายได้ท่องเที่ยว 2.1 หมื่นล้าน

เทศกาลตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนทั่วโลก รวมถึงชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จะมีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจปี 2566 คาดจะมี เม็ดเงินสะพัด ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของไทยกว่า 45,017 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 3 ปี  และคิดเป็นอัตราการขยายตัว 13.60% สูงสุดในรอบ 15 ปี ซึ่งจะช่วยให้ เศรษฐกิจไทย กลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงเทศกาล ทั้งจากการจับจ่ายใช้สอยของไหว้บรรพบุรุษ ค่าอาหาร ค่าท่องเที่ยว การแจกอั่งเปา แตะเอีย และอื่น ๆ โดยที่ปีนี้ผู้บริโภคจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามภาวะค่าครองชีพ เงินเฟ้อ และราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น

 

5 กลุ่มสินค้าเฮงขายดี

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สินค้าที่ขายดีในช่วงตรุษจีนมี 5 กลุ่ม ได้แก่

1.สินค้ากลุ่มอาหาร ตั้งแต่ อาหารที่เกี่ยวกับของไหว้ อาหารเสริมมงคล และอาหารอื่นๆ ที่จะได้รับอานิสงส์จากการเดินทางท่องเที่ยวและการประกอบอาหารทานเพื่อเฉลิมฉลองที่บ้าน หรือการออกไปทานอาหารตามร้านอาหาร และภัตตาคารต่าง ๆ ของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน

“ตรุษจีน” คึกคัก กำลังซื้อพุ่งรอบ 15 ปี ปลุกเศรษฐกิจไทย

โดยสินค้ากลุ่มอาหารที่จะได้รับอานิสงส์ อาทิ เนื้อสัตว์ จากเป็นตัวแทนของความเป็นศิริมงคลที่ใช้ไหว้ในช่วงตรุษจีน เช่น ไก่ เป็ด ปลา หมู เป็นต้น, ผลไม้ ที่อยู่ในกลุ่มของไหว้ จากมีความหมายที่เป็นศิริมงคลที่นิยมเช่น กล้วย แอปเปิล สาลี่ องุ่น ส้ม เป็นต้น, ขนมไหว้ ขนมมงคล ได้แก่ ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมไข่ ขนมถ้วยฟู ซาลาเปา เป็นต้น, นํ้าหวานพร้อมดื่ม ที่จะขายดีในช่วงเทศกาลจากการเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายของไหว้ โดยเมนูยอดนิยม เช่น นํ้าเก็กฮวย นํ้ากระเจี๊ยบ เป็นต้น จากเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและทำให้สดชื่น

2.กลุ่มกระดาษเงินกระดาษทอง ที่เผาส่งให้บรรพบุรุษ ซึ่งปัจจุบันนอกจากกระดาษเงินกระดาษทองแล้วอาจยังมีกระดาษที่ทำเป็นรูปโทรศัพท์ คอนโด บ้านเดี่ยว รถยนต์ และอื่นๆ ซึ่งคนจีนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกส่งให้ผู้ล่วงลับได้เอาไปใช้ในโลกหน้าได้

นายวิศิษฐ์  ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป

3.เสื้อผ้าและเครื่องประดับ โดยจะเน้นไปทางสีแดง ที่เป็นสีมงคลในเทศกาลตรุษจีน ทั้งชุดกี่เพ้า หรือชุดสีแดง ชุดเซตครอบครัว เสื้อยืดสกรีนลายแสดงความเป็นครอบครัว หรือเครื่องประดับสีแดง ที่เป็นการเปิดรับโชคลาภ เช่น ที่คาดผมสีแดง กำไลข้อมือ กิ๊บติดผม

4.สินค้ามงคล ไว้ใช้เป็นของฝากของไหว้เยี่ยมญาติผู้ใหญ่ในวันตรุษจีน เช่น รูปปั้นมงคล ของตกแต่งบ้าน ป้ายนำโชค โคม พวงกุญแจมงคล ที่นิยมซื้อไปติดไว้ที่บ้านหรือพกติดตัวเพื่อให้มีโชคดีเข้ามาสู่ชีวิต

5.ทองคำ อั่งเปาที่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบทอดติดต่อกันมานาน ซึ่งซองอั่งเปาไม่จำเป็นจะต้องใส่แค่เงินสดเท่านั้นอาจเป็นทองคำก็ได้ โดยผู้ใหญ่อาจให้แก่ลูกหลาน หรือ ลูกหลานซื้อให้ผู้ใหญ่ก็ได้ แม้ปัจจุบันราคาทองคำสูงขึ้นแต่เฉพาะตรุษจีนก็มียอดขายที่ดีกว่าเมื่อเทียบเวลาปกติ

นอกจากสินค้าที่ขายดีแล้ว การบริการที่จะได้รับอานิสงส์จากวันเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีน เช่น แพ็กเกจทัวร์ต่าง ๆ รวมถึงร้านอาหาร ภัตตาคารสำหรับครอบครัวที่ไม่ได้เดินทางไปเที่ยวที่ไหน ส่วนใหญ่จะพาลูกหลานมาฉลองกันตามร้านอาหาร ที่มักจะจัดโปรโมชั่นและแคมเปญให้เข้ากับเทศกาล

 

3 บิ๊กห้างคึกคักแข่งจัดอีเวนต์

ขณะเดียวกัน “ตรุษจีน” ถือเป็นช่วงอีเว้นต์สำคัญของห้างค้าปลีก เพราะนอกจากการจับจ่ายซื้อของเพื่อไหว้บรรพบุรุษ ยังมีการเลือกซื้อสินค้าเพื่อทำความสะอาดบ้าน ตกแต่ง ปรับปรุงบ้าน รวมถึงสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า ของใช้ต่าง ๆ ที่เตรียมนำมาใช้ในวันเริ่มต้นปีใหม่ เพื่อให้พบกับสิ่งดีๆ ใหม่ๆ ตามความเชื่อ ทำให้ห้างค้าปลีกต่างจัดแคมเปญเพื่อชิงกำลังซื้อในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้เม็ดเงินสะพัดมากมาย

โดยในกลุ่มวันสยาม ซึ่งมีห้างฯในเครือได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้จัดงาน ONESIAM Golden Prosperous Chinese New Year 2023 พร้อมกิจกรรมสร้างสีสัน อาทิ นาฏลีลาจีน การแสดงเชิดสิงโตและมังกร บูธทำนายโชคชะตา ซึ่งคาดหวังว่าจะปลุกให้ยอดขายไตรมาส 1 คึกคักเช่นเดียวกับเดอะ มอลล์ กรุ๊ป ที่ทุ่มงบ 150 ล้านบาท จัดแคมเปญ THE MALL GROUP HAPPY CHINESE NEW YEAR 2023 JOY LUCK LOVE อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมตั้งเป้ายอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท และทราฟฟิคเพิ่มขึ้น 10%

 

เซ็นทรัลคาดสะพัด 6 พันล้าน

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล กล่าวว่า ตรุษจีนถือเป็นแคมเปญแรกที่ห้างและศูนย์การค้าผนึกกำลังกันจัดงาน เพื่อสร้าง Double Impact มอบประสบการณ์ Seamless experience เชื่อมโยงพื้นที่ศูนย์-ห้างฉลองตรุษจีนเต็มรูปแบบ สร้างประสบการณ์ใหม่ผ่าน Immersive Experience จาก Online to Offline จึงมีความพิเศษ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนและทั่วโลก

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

“ตรุษจีนปีนี้ คาดว่าจะมีเงินสะพัดตลอดแคมเปญกว่า 6,000 ล้านบาท มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 20% โดยในช่วงตรุษจีนปีนี้ ศูนย์การค้าที่เป็นทัวริสจ์ มอลล์ ทั้ง 15 สาขาของเซ็นทรัลจะจัดทัวริสต์ แพ็กเกจต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนในศูนย์ อาทิ Welcome Package มูลค่ากว่า 3,000 บาท เป็นส่วนลดร้านค้า ร้านอาหาร และรับฟรี True sim + wifi 2 ชม. เมื่อสมัครสมาชิก The1 Tourist, โปรโมชั่นร่วมกับ Wechat Pay สถาบันการเงิน สายการบิน เป็นต้น”

 

คนแห่ซื้อทองเพิ่มจากปกติ 20%

ด้านราคาทองคำรับเทศกาลตรุษจีน รายงานจากสมาคมค้าทองคำ ณวันที่ 19 ม.ค. 2566 (เวลา 13.38 น.) ราคาทองคำแท่ง 96.5% ขายออกบาทละ 29,000 บาท รับซื้อ 29,800 บาท และทองรูปพรรณ 96.5% ขายออกบาทละ 30,400 บาท

นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท แม่ทองสุก (MTS) เผยว่า MTS เป็นทั้งผู้ค้าส่งและค้าปลีกทองคำ ในส่วนของทองตู้แดงการซื้อทองคำในเทศกาลตรุษจีนคึกคักดีขึ้นจากภาวะปกติ 20% แต่เมื่อเทียบปีต่อปีแรงซื้อปรับลดลงจากปีที่แล้ว จากเศรษฐกิจไทยังไม่ค่อยฟื้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาระหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพียังสูงเกือบ 90%

อย่างไรก็ดีทิศทางราคาทองคำปี 2566 แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปี 14 วันราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นมาแล้ว 100 ดอลลาร์สหรัฐฯหรือ 5% จากราคา 1,820 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์เป็น 1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศขยับขึ้นเพียง 150 บาทหรือเพิ่มขึ้น 0.6%

 

ท่องเที่ยวคาดทำเงิน 2.1 หมื่นล้าน

ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ททท.คาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนปี 2566 จะสร้างรายได้ประมาณ 21,296 ล้านบาท เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4,600 ล้านบาท และรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย 16,696 ล้านบาท โดยคาดว่าคนไทยเที่ยวในประเทศ 1.38 ล้านคน-ครั้ง ในช่วงระหว่างวันที่ 19-27 ม.ค.2566 รวม 9 วัน ขณะที่คาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยประมาณ 588,900 คน เพิ่มขึ้น 1,622% เมื่อเทียบกับช่วงตรุษจีนปี 2565

นายยุทธศักดิ์  สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

“บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวจากตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศมีความคึกคักมากขึ้น เทียบกับปี 2565 เนื่องจากคนไทยเชื้อสายจีนและคนจีนที่อาศัยอยู่ในไทยจะใช้ช่วงเวลานี้ชดเชยเวลาที่หายไปช่วงวิกฤติโควิด-19 ผ่านการออกมาร่วมกันเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน ทั้งในรูปแบบรับประทานอาหารร่วมกัน การออกมาไหว้พระขอพร ตลอดจนเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ”

ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนติดต่อกันราว 3-5 วัน หากพิจารณาเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นตลาดหลักคาดช่วงตรุษจีนปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาประมาณ 29,400 คน เพิ่มขึ้น 3,738% เทียบกับปี 2565 คิดเป็นการฟื้นตัว 7% ของปี 2562 สร้างรายได้ประมาณ 1,013 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,968% เทียบกับปี 2565