เจาะกลยุทธ์ TACC ลงทุนอะไรบ้างในปี 2566

18 ม.ค. 2566 | 14:08 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ม.ค. 2566 | 22:05 น.

เปิดแผนลงทุน TACC รุก 7-Eleven และ Non 7-Eleven ปิดดีล MA&JV ธุรกิจ Health and Wellness อัพรายได้โตต่อเนื่อง 10% เตรียมลงทุนขยายไลน์การผลิตและคลังสินค้าแห่งใหม่รับดีมานด์ธุรกิจ B2B และ B2C พร้อมเปิดการขายผ่าน Online Channel

ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เปิดแผนการลงทุนปี 2566 เพิ่มสินค้าใหม่เข้า 7-Eleven ไทย-กัมพูชา ขยาย Brand TRIVA ส่งร้านค้า คาเฟ่ พร้อมปิดดีล MA&JV ธุรกิจ Health and Wellness เติมพอร์ตธุรกิจในมืออัพรายได้ 10% 

นายชัชชวี  วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC)

นายชัชชวี  วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า  ปี 2566 จะเป็น “ปีแห่งการลงทุนสู่ทศวรรษใหม่” เพื่อสร้างรายได้เพิ่มต่อเนื่อง 10% จากปีก่อน โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) จะพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu  ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด และ เครื่องดื่ม Non Coffee Menu ใน All Café  ทั้งในประเทศไทย และ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีมีการขยายสาขา และเติบโตอย่างก้าวกระโดด

 

สำหรับกลุ่มธุรกิจ B2C (Non 7-Eleven) จะขยาย Brand TRIVA (ทรีว่า) ไซรัปผลไม้เข้มข้นจากธรรมชาติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเจาะกลุ่มผู้ประกอบการ ร้านค้า คาเฟ่ และลูกค้าทั่วไป เพื่อต่อยอดการเติบโตของ TACC  ในกลุ่ม B2C อีกส่วนคือเติบโตตามการขยายสาขาของ Lotus’s ทั้งในส่วนของ Lotus’s Hyper และ Lotus’s go fresh  และการร่วมมือกับ BON Café พัฒนาเครื่องดื่มเพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มต่าง ๆ และรุกตลาดเข้าตลาดเมล็ดกาแฟ  ในส่วนของธุรกิจ License Business มีเป้าหมายที่จะเป็น One-Stop-Service และขยายตลาดไปยังประเทศ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ในกลุ่มเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

 

“สำหรับปีนี้ถือเป็นปีที่สำคัญของ TACC ซึ่งเป็นปีที่มุ่งสู่ทศวรรษที่ 3 หรือ ก้าวสู่ปีที่ 21 และถือว่าเป็น “ปีแห่งการลงทุนสู่ทศวรรษใหม่” เริ่มจากในส่วนของแผนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือการเป็นพันธมิตรร่วมลงทุน (JV) เรายังคงมองหาบริษัทที่มีศักยภาพ เพื่อเข้าร่วมลงทุน โดยเรา Focus ธุรกิจ Health and Wellness ที่จะสามารถสร้างการเติบโต และต่อยอดให้กับทางบริษัทฯได้ เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง และมั่นคงในอนาคต”

 

สำหรับโรงงานบ้านบึงของบริษัทฯ จะมีการขยายไลน์การผลิตเพิ่มเติม 20-30% และการสร้างคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรองรับกลุ่มธุรกิจ B2B และ B2C ที่จะเติบโตในอนาคต โดยโรงงานบ้านบึงได้รับการรับรองระบบการจัดการความปลอดภัยอาหาร (Food Safety System Certification: FSSC 22000) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลระดับโลก และล่าสุดยังได้รับการรับรองการผลิตสินค้าที่มีเครื่องหมายฮาลาล

 

“นอกจากนี้เรายังเตรียมขยายช่องทาง Online  เพื่อขยาย Product Portfolio ตั้งเป้าหมาย 5-10% ทั้งในส่วนของการขายในประเทศ และต่างประเทศ โดยการเพิ่มยอดขายจากลูกค้ารายเดิม การเสนอสินค้าใหม่ๆ และพัฒนาสินค้าร่วมกัน”