บัตรสวัสดิการแห่งรัฐคนเก่าใช้ได้ถึงวันไหน ตรวจสอบที่นี่

10 ม.ค. 2566 | 08:20 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ม.ค. 2566 | 18:27 น.
36.1 k

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐคนเก่าใช้ได้ถึงวันไหน หลัง กระทรวงการคลัง เปิดลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่ 2565 ตรวจสอลรายละเอียดทั้งหมดที่นี่

วันนี้ 10 มกราคม 2566 จากกรณีที่ กระทรวงการคลัง ออกมาประกาศชัดเจนแล้วว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนรอบใหม่ เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 นั้นหมายความว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐคนเก่าใช้ต่อได้อีก 1 เดือน คือภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566

 

ถามว่าทำไม? บัตรสวัสดิการแห่งรัฐคนเก่าใช้ต่อได้อีก 1 เดือน

คำตอบ คือ กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566  (รอบที่ 2)  ที่ลงทะเบียนไว้จำนวน 22 ล้านคน โดยกระทรวงการคลัง จะเปิดให้ตรวจสอบคุณสมบัติภายในเดือนมกราคม 2566

ไทม์ไลน์โอนเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรายเก่าเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีดังนี้

 

ทุกวันที่ 1 ของเดือน (ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)

  • วงเงินซื้อสินค้า 200/300 บาทต่อเดือน
  • ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน (ม.ค. - มี.ค. 66)
  •  ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย
  •  ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
  •  ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
  •  ค่าโดยสารรถ ขสมก./รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)

 

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐคนเก่าใช้ได้ถึงวันไหน

 

ทุกวันที่ 18 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

  • เงินชดเชยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กฟน. กฟภ. และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
  • เงินชดเชยตามจำนวนเงินที่ชำระค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้ลงทะเบียนกับ กปน. กปภ. ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท (ที่ได้ชำระเงินแล้ว) ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)

 

ทุกวันที่ 22 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

  • เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ).

 

ที่มา: กระทรวงการคลัง