‘พาณิชย์’ กางแผนเจรจา FTA ปี 66 เร่งเดินหน้าเคลียร์ FTA คงค้าง

20 ธ.ค. 2565 | 01:45 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ธ.ค. 2565 | 04:48 น.

‘พาณิชย์’ กางแผนเจรจา FTA ปี 66  เร่งเดินหน้าเคลียร์ FTA คงค้าง จบภายในปีหน้า เตรียมลุยเปิดเจรจากับคู่ค้าใหม่ เพิ่มสัดส่วนการค้าไทยกับคู่ FTA เป็น 80% ภายในปี 2570

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยแผนการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยในปี 2566 ว่า กรมจะเร่งเดินหน้าเจรจาปิดรอบ FTA ที่ค้างอยู่โดยเร็ว ทั้ง FTA ระหว่างอาเซียนกับแคนาดา ที่เริ่มเจรจากันรอบแรกเมื่อปี 2564 โดยจะผลักดันประเด็นสำคัญให้มีความคืบหน้ามากที่สุดภายในปี 2566 เพื่อสรุปผลการเจรจาให้ได้ในปี 2567 รวมถึง FTA กับตุรกี ศรีลังกา ปากีสถาน และเอฟตา ที่อยู่ระหว่างเตรียมจัดหารือรอบต่อไปช่วงต้นปีหน้า ซึ่งตั้งเป้าให้การเจรจาคืบหน้าและสามารถหาข้อสรุปได้ภายในปี 2566

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

 

สำหรับการเปิดเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าใหม่ ซึ่งไทยมีประเทศเป้าหมาย ได้แก่ สหภาพยุโรป (อียู) กลุ่มประเทศคณะมนตรีความร่วมมือแห่งรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) สหราชอาณาจักร (ยูเค) กลุ่มประเทศแอฟริกา และกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance) โดยขณะนี้การหารือกับอียูเพื่อทำความเข้าใจประเด็นที่จะเจรจากันใน FTA มีความคืบหน้าไปมาก และยังมุ่งมั่นที่จะเปิดการเจรจากับอียูโดยเร็ว ตามข้อเสนอของภาคเอกชนในการประชุม กรอ.พาณิชย์ สำหรับประเทศอื่น ๆ

 

กรมอยู่ระหว่างศึกษาผลดี-ผลเสีย จัดรับฟังความเห็นของภาคส่วนต่าง ๆ เรื่องการเจรจา FTA กับกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก และกลุ่มประเทศแอฟริกา โดยมีเป้าหมายที่จะให้ FTA ช่วยสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าและบริการของไทยในตลาดโลก รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนการค้าไทยกับประเทศคู่ FTA จาก 63.5% ในปัจจุบัน80% ภายในปี 2570

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมี FTA 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย เปรู ชิลี และฮ่องกง โดยความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งใช้บังคับเมื่อต้นปี 2565 ถือเป็น FTA ฉบับล่าสุดของไทย และ RCEP พร้อมเปิดรับสมาชิกใหม่ ตั้งแต่กลางปี 2566 ซึ่งจะเป็นโอกาสของไทยในการขยายพันธมิตรทางการค้าให้ไปยังประเทศใหม่ ๆ ให้กว้างขึ้น

 

 

สำหรับในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 2565) การค้าของไทยกับ 18 ประเทศ FTA มีมูลค่า 305.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า  8.6% โดยไทยส่งออกไปประเทศคู่ FTA มูลค่า 146 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าจากประเทศคู่ FTA มูลค่า 159 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์