วี ฟาร์ม แท็กทีม alt.Eatery เขย่าตลาดแพลนต์เบสโค้งสุดท้าย

08 พ.ย. 2565 | 10:13 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ย. 2565 | 17:30 น.

ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพยังสดใส 2 ผู้นำธุรกิจเฮลธ์ตี้ฟู้ด “วี ฟาร์ม”-“อัลท์ อีทเทอรี่” แท็กทีมครีเอท 7 เมนู รับตลาดวีแกน - แพลนต์เบสบูม ขยายคอมมูนิตี้คนเมืองกินเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม รับเมกะเทรนด์โลก

การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ และการรับประทานวีแกนเป็นเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และเป็นไลฟ์สไตล์ที่สำคัญสำหรับการทำตลาดของหลาย ๆ ธุรกิจไม่ว่าจะเป็นอาหาร บริการทางสุขภาพ ความงาม ฯลฯ และถือเป็นภาคอุตสาหกรรมขาขึ้น ซึ่ง International Food Information council ได้ระบุข้อมูลที่น่าสนใจว่าในอีกไม่เกิน  5 ปีข้างหน้า ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพทั่วโลกจะมีมูลค่ามากถึง 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

วี ฟาร์ม แท็กทีม alt.Eatery เขย่าตลาดแพลนต์เบสโค้งสุดท้าย

อีกทั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ 54% ของผู้บริโภคอาหารทั่วโลก เลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากกว่าเรื่องรสชาติและราคา โดยกลุ่มที่เห็นการเติบโตอย่างชัดเจนคือวีแกน แพลนต์เบส เกษตรอินทรีย์ และอาหารที่ถูกออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม 

 

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำการเติบโตของตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ  แบรนด์วี ฟาร์มจึงได้มีการเดินหน้าแคมเปญ Plant-based is calling ที่ตั้งใจเชิญชวนกลุ่มผู้บริโภคทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน และกลุ่มคนทั่วไป ให้ได้เอ็นจอยกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ปัจจุบันมีรูปแบบที่หลากหลาย มีช่องทางที่สะดวก และมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกสร้างสรรค์ออกมาเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง วี ฟาร์มยังมีกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตของตลาดอาหารเพื่อสุขภาพที่สำคัญ

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
ได้แก่ 1.การพัฒนาโปรดักส์ โดยเฉพาะ “อาหารจากพืช” ให้มีความน่าสนใจทั้งในเชิงรูปลักษณ์ รสชาติ สตอรี่ของสินค้า คุณประโยชน์ สะดวกและรู้สึกดีเมื่อได้รับประทาน และทำให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึง Urban Healthy Lifestyle โดยโปรดักส์สำคัญ ยังคงเป็น “ข้าวโพดหวาน จากข้าวโพดสายพันธุ์ Golden Sweet Corn”  ซึ่งในปี 2022 สินค้าดังกล่าวยังคงได้รับความนิยม และมีการเติบโตเฉลี่ย 30% เมื่อเทียบกับปี 2021 และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ได้แก่ “น้ำนมข้าวโพดหวาน Sweet Corn Milk” ผลิตจากข้าวโพดหวานสายพันธุ์ Golden Sweet Corn ปรับสูตรใหม่เพิ่มข้าวโพดถึง 40% เก็บความสดได้นาน 30 วันแบบไม่เสียรสชาติเหมาะกับผู้ที่แพ้โปรตีนจากนมวัวหรือถั่ว โดยยังมีกลยุทธ์การผลิตที่สำคัญคือ ข้าวโพดจะต้องตัดสดใหม่ในช่วงเช้า และส่งตรงถึงโรงงานผู้ผลิตทันที 

 

2.การสนับสนุนเกษตรกร ในการเพาะปลูกผลผลิตที่มีคุณภาพ ปัจจุบันทางบริษัทได้สนับสนุนผู้ปลูกข้าวโพด แห้ว มัน และธัญพืช ในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในด้านการเลือกซื้อสินค้า  3.การขยายช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภค โดยจับมือร่วมกับพันธมิตร เช่น การทำสื่อและช่องทางสินค้าขายในร้าน Jones' Salad หรือร่วมมือกับแบรนด์มอร์มีท ในการต่อยอดผลิตอาหารแพลนต์เบสพร้อมทาน การเข้าสู่ช่องทางสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ

 

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์เข้าไปร่วมสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ (Plant – Based Creation) ในร้านอาหารทางเลือก - คาเฟ่ เพื่อให้อาหารจากพืช และ  แพลนต์เบส สามารถหารับประทานได้ง่ายเหมือนกับอาหารทั่วไป และตอกย้ำความอร่อยตามไลฟ์สไตล์ของสายเฮลธ์ตี้ทั้งในกลุ่มวีแกน  มังสวิรัติ หรือกลุ่ม Flexitarian กลุ่มคนที่ทานแบบยืดหยุ่น ที่จะได้รับประทานอาหารคุณภาพ – รสชาติดีในทุก ๆ วัน 

วี ฟาร์ม แท็กทีม alt.Eatery เขย่าตลาดแพลนต์เบสโค้งสุดท้าย

ล่าสุดได้จับมือร่วมกับ ร้าน alt.Eatery คอมมูนิตี้และร้านอาหารที่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยจะนำผลิตภัณฑ์จากทางแบรนด์วี ฟาร์ม มารังสรรค์เป็นเมนูพิเศษ – เมนูที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคยกันดี ด้วยรสชาติที่หลากหลาย อร่อยถูกปาก ให้คุณค่าทางโภชนาการ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเป็นอาหารที่ไม่ว่าจะสาย เฮลธ์ตี้ หรือผู้บริโภคที่ต้องการลิ้มลองแพลนต์เบสก็สามารถรับประทานได้ อีกทั้งยังช่วยตอกย้ำคอมมูนิตี้ของสายรักสุขภาพ ของ alt.Eatery ที่มีความครบครันทั้งเรื่องของอาหาร การจำหน่ายสินค้าสุขภาพ กิจกรรมเวิร์คชอป การให้ความรู้ ทั้งนี้ การเสิร์ฟผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสจะมีทั้งของทานเล่น อาหารจานหลัก ขนมหวาน และเครื่องดื่ม รังสรรค์และปรุงขึ้นโดยTop Chef ชื่อดังของทางร้าน 

 

วี ฟาร์ม แท็กทีม alt.Eatery เขย่าตลาดแพลนต์เบสโค้งสุดท้าย

ด้านนายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็น อาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริษัท NRPT  เปิดเผยว่า ในฐานะของผู้พัฒนาธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพต้องการที่จะให้ไลฟ์สไตล์ดังกล่าวได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องด้วยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในเชิงสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และเป็นการปูทางไลฟ์สไตล์ที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต โดยในความร่วมมือครั้งนี้ ทางร้าน alt.Eatery จะนำร่องใช้วัตถุดิบข้าวโพดหวาน และน้ำนมข้าวโพดหวาน วี ฟาร์ม มาเป็นส่วนประกอบหลักในเมนูต่าง ๆ อย่างหมวดอาหารทานเล่นเช่น ทอดมันข้าวโพดเนื้อปู ข้าวโพดปิ้ง วีแกนชีส หมวดอาหารจานหลักจะนำเสนอในเมนู ข้าวโพดตำแซ่บ สปาเก็ตตี้ข้าวโพดและเบคอน หมวดอาหารหวาน เช่น โดนัทครีมชีสข้าวโพดปิ้ง และในหมวดเครื่องดื่มอย่างเมนู Sweet Corn Latte  และ Sweet Corn Salted Caramel เพื่อเป็นเมนูสำหรับคนที่ไม่รับประทานคาเฟอีน ซึ่งการเสิร์ฟเมนูเหล่านี้ จะเป็นการขยายอาหารจากพืชให้เติบโตในวงกว้าง เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของเกษตรกรที่ทางวี ฟาร์มสนับสนุน และทำให้ไลฟ์สไตล์การกินแบบเฮลธ์ตี้ถูกพูดถึง ตามเทรนด์การสนทนาเรื่องอาหารบนโซเชียลมีเดียที่กำลังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง 

 

“ในปีนี้ผู้คนบนโซเชียลมีเดียให้ความสำคัญกับหัวข้อการสนทนาเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นกว่า 20% ซึ่งความสนใจนี้ อาหารเพื่อสุขภาพก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่กำลังถูกพูดถึงมากขึ้นเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามการจะทำให้ไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นที่นิยมมากขึ้นได้นั้น จำเป็นจะต้องทำให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงแนวทางการใช้ความคิดสร้างสรรค์ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดอาหารดังกล่าว ซึ่งเมื่อผู้คนเห็นความแปลกใหม่ก็จะทำให้เปิดใจยอมรับ หรือเพิ่มสัดส่วนในการบริโภคอาหารประเภทเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น นำไปสู่วิถีชีวิตที่เคยชินกับการรับประทานอาหารที่ยังอร่อยเหมือนทุกวัน แต่ได้ฟังก์ชันสุขภาพที่ดีเพิ่มตามมา”

วี ฟาร์ม แท็กทีม alt.Eatery เขย่าตลาดแพลนต์เบสโค้งสุดท้าย

นอกจากการเพิ่มไฮไลต์ให้กับเมนูอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว alt.Eatery ยังมุ่งตอบโจทย์กับวิถีชีวิตคนเมือง ด้วยขนม อาหารว่าง อาหารแช่แข็งจากแพลนต์เบสหลากหลายชนิด ผ่านโซนสินค้าที่มาจากผู้ประกอบการและเอสเอ็มอีรายย่อยในไทย เพื่อให้กลุ่มเหล่านี้ได้มีพื้นที่ในการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคและทำตลาดที่เพิ่มมากขึ้น และเป็นการตอกย้ำจุดยืนของทางร้านที่ต้องการขับเคลื่อนสิ่งแวดล้อมและวิถีการบริโภคแบบใหม่ที่เน้นความยั่งยืนเป็นสำคัญ อีกทั้งสถานที่ตั้งร้านยังรายล้อมด้วย ที่พักอาศัย โรงเรียน ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคหลากหลายช่วงวัย ซึ่งนับเป็นอีกจุดแข็งหนึ่งที่จะเป็นโอกาสเข้าถึงผู้คนและขยายแผนเพื่อการพัฒนา ปัจจุบัน alt.Eatery มีสินค้าจากผู้ประกอบการหลากหลายแบรนด์ และกำลังจะมีการเพิ่มสินค้าจากทางวี ฟาร์ม ในพื้นที่จัดจำหน่วย เช่น กลุ่มสินค้า Plant-Based Whole Veggie Bites และ Plant-Based Classic Thai Tastes Series  ทั้งนี้ ทุกการให้บริการของ alt.Eatery มาจากความพิถีพิถันและเน้นสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อไลฟ์สไตล์ใหม่ของทุกคน สามารถพบกับทางเลือกที่ดีสำหรับอนาคตได้ที่ alt. Eatery ทุกวัน