เตือน! ปิดลงทะเบียน"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 "ข้อมูลไม่สมบูรณ์ รีบแก้ด่วน

06 พ.ย. 2565 | 11:24 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ย. 2565 | 18:39 น.

"ทิพานัน" เตือนปิดลงทะเบียน"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565"แล้ว หากข้อมูลไม่สมบูรณ์ ต้องแก้ไขภายใน 17 พ.ย นี้ ก่อนเสียสิทธิ์ ฟาด"เพื่อไทย" หยุดตีตราดูถูกผู้สมัครบัตรฯ 22 ล้านคนเป็น "คนจน" ยันยุคบิ๊กตู่ คนจนลดลง

 

6 พ.ย.65 นางสาว ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ปิดรับการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565" แล้ว โดยมีพี่น้องประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน-31 ตุลาคม 2565 จำนวน 22,293,473 ราย  (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 เวลา 15.00 น.) 

 

ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านขั้นตอนตรวจสอบสถานะแล้ว ขอให้รอการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ ในช่วงเดือนมกราคม 2566  การลงทะเบียน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ ที่เข้าเงื่อนไข ซึ่งจะทำให้การใช้งบประมาณในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างประสิทธิภาพ แก้ปัญหาตรงจุดและตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น 

 

ส่วนผู้ที่ “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ที่ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต หากพบข้อมูลไม่ถูกต้อง ต้องติดต่อขอแก้ไขข้อมูล ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ตนเองยื่นเอกสารเท่านั้น ส่วนผู้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนใดก็ได้ ซึ่งต้องดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 นี้เท่านั้น
 

 

“ต้องขอย้ำว่า จำนวนผู้ลงทะเบียนหรือผู้ที่ได้รับ "บัตรสวัสดิการ" ไม่ใช่จำนวนคนจนในประเทศไทย แต่เป็นกลุ่มที่รัฐบาลต้องการเข้าไปช่วยดูแลลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มเปราะบางให้ดีขึ้น  เป็นหนึ่งในนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นวาระสำคัญของชาติ” น.ส.ทิพานัน กล่าวและว่า
 

ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการ ไม่ใช่คนจนทั้งหมด เพราะทุกรัฐบาลมีเส้นเกณฑ์วัดความจน จากข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน สำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่มีการวิเคราะห์หลายมิติ ซึ่งในปี 2564 ระบุว่า ประเทศไทยมีคนจนจำนวน 4,404,616 ล้านคน คิดเป็น 6.32 % ของประชากรทั้งประเทศ 

 

ทั้งนี้เกณฑ์ตัดสินว่าบุคคลนั้น เข้าข่ายจนหรือไม่ในปี 2564 คือ รายได้ต่อเดือนที่ต้องได้ต่ำกว่า 2,802 บาท ต่อคนต่อเดือน  และหากพิจารณาข้อมูลย้อนไป 10 ปีจากสถิติ ยังพบว่า ในปี 2555 ยังมีคนจนอยู่ถึง 8,441,462 คน 

 

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อ ในระหว่างปี 2560-2565 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ยังมุ่งมั่นแก้ปัญหาคนจนโดยใช้  Big data และระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบชี้เป้า โดยอ้างอิงฐานข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform: TPMAP) ซึ่งข้อมูลการสำรวจนี้จะแตกต่างจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นการนำข้อมูลคนที่ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรวจสอบและลงพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ เพื่อสำรวจสอบถามถึงความรุนแรงของปัญหาตามเกณฑ์ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐานของกระทรวงมหาดไทย  

 

เช่น ในปี 2560 พบมีคนจน 1,702,499 คน จากการสำรวจ 35,999,061 คน   

ล่าสุด “คนจนเป้าหมาย”  ณ วันที่ 25 ม.ค. 2565 ในประเทศไทยที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนเหลือเพียง 1,025,782 คน  จากการสำรวจ 36,103,806 คน  และเมื่อแบ่งมิติปัญหาที่ต้องช่วยเร่งด่วนพบว่า 
 
 

 

  • ด้านสุขภาพ 218,757  คน 
  • ด้านความเป็นอยู่ 220,037 คน  
  • ด้านการศึกษา 272,518 คน  
  • ด้านรายได้ 506,647 คน 
  • ด้านเข้าถึงบริการภาครัฐ 3,335 คน    

 

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะสถิติจากตัวชี้วัดใด ทั้งสำนักงานสถิติแห่งชาติ หรือ TPMAP จำนวนคนจนได้ลดลงต่อเนื่อง  ยิ่งในช่วงการแก้ปัญหาความยากจน ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเห็นว่าจำนวนลดลงไปหลายล้านคน

 

จากยอดการลงทะเบียน  22,293,473 ราย  ที่ยื่นลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 จึงไม่ใช่จำนวน “คนจน” ทั้งหมด  แต่ด้วยเงื่อนไข ที่เปิดโอกาสให้คนที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี  หรือแม้แต่ผู้มีบ้าน มีวงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และมีเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท  ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้  

 

แต่หากรัฐบาลเลือกใช้เส้นความยากจนเป็นเกณฑ์ กำหนดรายได้ 33,624 บาท/คน/ปี  หรือ 2,802 บาทต่อคน/ต่อเดือน จะทำให้การลงทะเบียนมีจำนวนลดลงทันที  แต่เพราะรัฐบาลต้องการช่วยเหลือดูแลประชาชน กลุ่มเปราะบางอื่นๆ เช่น กลุ่มพิการ กลุ่มด้อยโอกาส กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มคนจน  ให้สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำลง ให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่าย ให้ใช้บริการพื้นฐานของรัฐ และมีมาตรการใหม่ๆใส่ลงในบัตรเพื่อดูแลตรงกลุ่ม  ปี 2565 นี้ จึงประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง  จนทำให้ประชาชนสนใจจำนวนมาก  

 

ที่สำคัญคอรัปชันไม่มีและสวัสดิการถึงมือประชาชน เป็นทุนชีวิต พร้อมกับสามารถกระตุ้นกำลังซื้อ ส่งผลต่อการผลิต การจ้างงาน ทำให้ประเทศมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ  บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จึงเป็น นวัตกรรมลดความเหลื่อมล้ำที่ดีของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  

 

“แต่สิ่งฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทย ต้องพึ่งระวัง คือ หยุดด้อยค่าประชาชน จากสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ หยุดดูถูกประชาชนที่ต้องการแบ่งเบาค่าใช้จ่าย หยุดตราหน้าประชาชนที่ลงทะเบียนว่าเป็น “คนจน” ต้องเลิกบิดเบือนข้อมูลที่ศึกษามาไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง แล้วนำไปสร้างวาทะกรรม “คนจนเพิ่มขึ้น” จนสังคมและประชาชน 22,293,473 คนที่ลงทะเบียนสงสัยในความชัดเจนว่า ฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทย ต้องการยกเลิก บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช่หรือไม่  หากเป็นเช่นนั้นก็ประกาศให้ชัดไปเลย” น.ส.ทิพานัน กล่าว