“น้ำท่วมใหญ่” พื้นที่เกษตรจม 3.6 ล้านไร่ จ่ายเยียวยาเบื้องต้นแล้วกว่า 5 ล้าน

ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงาน สถานการณ์วาตภัย อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ต.ค. 2565) ว่า จากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง และพายุดีเปรสชัน “โนรู” ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ประกอบกับฝนที่ตกสะสม ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2565 ส่งผลทำให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวมทั้งสิ้น 57 จังหวัด ดังนี้

 (1) จังหวัดที่เข้าสู่ภาวะปกติ 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน แพร่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ กาญจนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นครนายก สมุทรปราการ กรุงเทพฯ ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี ระนอง และภูเก็ต (2) จังหวัดที่ประสบอุทกภัย 37 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร เชียงใหม่ ตาก พะเยา พิจิตร ลำพูน ลำปาง นครสวรรค์ สุโขทัย อุทัยธานี เพชรบูรณ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ เลย ร้อยเอ็ด มหาสารคาม นครราชสีมา ยโสธร บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อุดรธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง นครปฐม สุพรรณบุรี และปราจีนบุรี

• ผลกระทบด้านการเกษตร

ด้านพืช ได้รับผลกระทบ 54 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ตาก แพร่ พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ เลย มหาสารคาม บุรีรัมย์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ยโสธร หนองคาย หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุดรธานี อุบลราชธานี อำนาจเจริญ กรุงเทพมหานคร ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี ตราด ปราจีนบุรี ปทุมธานีนครนายก นครปฐม สระแก้ว จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง ชลบุรีพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และภูเก็ต

ทั้งนี้เกษตรกรได้รับผลกระทบ 446,394 ราย พื้นที่ได้รับผลกระทบ 3,632,958 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 2,454,895 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 995,503 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้น และอื่น ๆ 182,560 ไร่

สำรวจพบความเสียหายแล้ว เกษตรกร 46,383 ราย พื้นที่ 422,404 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 338,111 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 82,539 ไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น และอื่น ๆ 1,754 ไร่ คิดเป็นเงิน 605.10 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว เกษตรกร 493 ราย พื้นที่ 2,507 ไร่ วงเงิน 4.02 ล้านบาท

ด้านประมง ได้รับผลกระทบ 39 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ตาก พะเยา ลำปาง ลำพูน พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ เลย นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อำนาจเจริญ กรุงเทพมหานคร ตราด ระยอง ปราจีนบุรี นครนายก นครปฐม ลพบุรี สระบุรี สระแก้ว สิงห์บุรี สุพรรณบุรีอ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา

เกษตรกรได้รับผลกระทบ 19,462 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้รับผลกระทบ 21,196 ไร่ แบ่งเป็น บ่อปลา 20,938 ไร่ บ่อกุ้ง 259 ไร่ กระชัง 4,008 ตรม. สำรวจพบความเสียหายแล้ว เกษตรกร 535 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับความเสียหาย 520 ไร่ กระชัง 11 ตารางเมตร คิดเป็นเงิน 2.92ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว เกษตรกร 156 ราย พื้นที่ 264 ไร่ วงเงิน 1.52 ล้านบาท

ด้านปศุสัตว์ ได้รับผลกระทบ 16 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ อุทัยธานีชัยภูมิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ระยอง จันทบุรี ปราจีนบุรี ลพบุรี และสิงห์บุรี เกษตรกร 21,625 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 1,337,182 ตัว แบ่งเป็น โค 52,412 ตัว กระบือ 15,378 ตัว สุกร 13,040 ตัว แพะ/แกะ 2,856ตัว สัตว์ปีก 1,337,182 ตัว แปลงหญ้า 2,243 ไร่ อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย

สำหรับการให้ความช่วยเหลือ 1. กรมชลประทาน ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 413 เครื่อง ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 470 เครื่อง เครื่องจักรอื่น ๆ 18 เครื่อง และกระสอบทราย 12,000 กระสอบ 2. กรมปศุสัตว์ ดำเนินการอพยพสัตว์ 20,391 ตัว แจกจ่ายหญ้าพระราชทาน 338.26 ตัน อาหาร TMR 6.50 ตัน สร้างเสริม สุขภาพสัตว์ 1,002 ตัว รักษาสัตว์ 51 ตัว และสนับสนุนถุงยังชีพสัตว์ 601 ชุด 3. กรมประมง สนับสนุนเรือตรวจการ 25 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ 151 นาย