‘บุญรอดฯ’ผนึก‘พงษ์ระวี’ เสริมแกร่งธุรกิจขนส่งสินค้าครบวงจร

01 ต.ค. 2565 | 17:30 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ต.ค. 2565 | 00:32 น.
1.6 k

“บุญรอด ซัพพลายเชน” สยายปีกเครือข่ายการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจร จับมือ “พงษ์ระวี” ผู้ให้บริการด้านการขนส่งวัสดุที่ต้องใช้ความปลอดภัยสูง เสริมศักยภาพและขีดความสามารถรองรับการเติบโตทั้งในประเทศและภูมิภาค

"โลจิสติกส์” มีบทบาทมากขึ้นในระดับมหภาค เพราะช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในระดับประเทศ ขณะที่ภาคธุรกิจ หากมีการบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ดี จะช่วยลดต้นทุน สร้างกำไร และความแข็งแกร่งให้องค์กรได้ วันนี้จึงเห็นบริษัทชั้นนำต่างมุ่งเสริมศักยภาพด้านโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพ ทั้งรูปแบบการให้บริการที่หลากหลาย และผสมผสานทั้งการเชื่อมระบบการขนส่งผ่านทางรถยนต์ รถไฟ เรือ และทางอากาศแบบไร้รอยต่อ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการลดใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 

เช่นเดียวกับบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด หนึ่งในองค์กรชั้นนำ ที่เดินหน้าพัฒนาและยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ของเมืองไทยให้มีศักยภาพทัดเทียมนานาชาติ ด้วยการผนึกกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง “ลินฟ้อกซ์”  ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการคลังสินค้าและขนส่งจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีเครือข่ายการขนส่งสินค้ากระจายไปยังทั่วประเทศไทย เพื่อนำองค์ความรู้ระดับโลก เทคโนโลยี วิธีการ ตลอดจนหลักในการทำงานจากพาร์ทเนอร์ มาช่วยเสริมศักยภาพการขนส่งสินค้า ไม่แค่ในประเทศไทยแต่สามารถขยายไปยังระดับภูมิภาคด้วย

 

ล่าสุด ถือเป็นก้าวย่างครั้งสำคัญเมื่อ “บุญรอด ซัพพลายเชน” ประกาศจับมือกับบริษัท พงษ์ระวี จำกัด ผู้นำด้านการขนส่งวัตถุที่ต้องใช้ความปลอดภัยสูงหรือสินค้าอันตราย (Dangerous goods : DG) เช่น เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ฯลฯ ให้กับบริษัทชั้นนำต่างๆ

 

นายปิติ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการ บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายของบุญรอด ซัพพลายเชน เน้นการขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ การมุ่งยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยบริษัทวางแผนในการขยายธุรกิจการขนส่งและโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมความต้องการของตลาดมากขึ้น

ปิติ ภิรมย์ภักดี

โดยล่าสุดบริษัทร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท พงษ์ระวี จำกัด ซึ่งมีความชำนาญในการขนส่งวัตถุที่ต้องใช้ความปลอดภัยสูงหรือสินค้าอันตราย (Dangerous goods : DG) เช่น เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ฯลฯ ให้กับบริษัทชั้นนำต่างๆ โดยปัจจุบันมีรถขนส่งเพื่อให้บริการและรองรับความต้องการของลูกค้ามากกว่า 350 คัน มีศูนย์การดำเนินงาน 14 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศได้แก่ เชียงใหม่, ลำปาง, ขอนแก่น, ยโสธร, พิจิตร, ชัยนาท, สระบุรี, ปทุมธานี, กรุงเทพ, สมุทรปราการ, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และระยอง

  ‘บุญรอดฯ’ผนึก‘พงษ์ระวี’ เสริมแกร่งธุรกิจขนส่งสินค้าครบวงจร           

ที่ผ่านมาพงษ์ระวีฯ ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้รับการยอมรับจากสถาบันต่างๆ อาทิ British Standards Institution (BSI) และ กรมการขนส่งทางบก รวมถึงได้รับรางวัลการันตีมากมาย จากลูกค้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เช่น บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) , บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด, บริษัท เอสโซ่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) และ Oil Industry Environmental Safety Group Association (IESG)

 

“ความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ บุญรอดฯ จะนำจุดแข็งคือประสบการณ์ด้านการบริหารซัพพลายเชนที่มีเครือข่ายการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจร มาผสานกับความเชี่ยวชาญทางด้านการขนส่งวัตถุที่ต้องใช้ความปลอดภัยสูงของพงษ์ระวี ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดประสิทธิภาพทางธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะก่อให้เกิดประโยชน์จากขนาดธุรกิจที่ขยายใหญ่ (Leverage economy of scale) พร้อมยกระดับการให้บริการธุรกิจการขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อการเติบโตในอนาคตร่วมกับลูกค้าทั้งในประเทศและระดับภูมิภาคด้วย”

‘บุญรอดฯ’ผนึก‘พงษ์ระวี’ เสริมแกร่งธุรกิจขนส่งสินค้าครบวงจร   ‘บุญรอดฯ’ผนึก‘พงษ์ระวี’ เสริมแกร่งธุรกิจขนส่งสินค้าครบวงจร

ปัจจุบันบุญรอด ซัพพลายเชน มีความชำนาญด้านการบริหารซัพพลายเชนที่มีเครือข่ายการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจรทั่วประเทศ รวมถึงเป็นการปูพื้นฐานในการสร้างความแข็งแกร่งให้ขยายไปในระดับภูมิภาคต่อไป โดยให้บริการ 4 ประเภท ได้แก่ 1. Logistics services 2. Customer services 3. Planning services และ 4. Digital service โดยบริษัทมีปริมานคลังสินค้าพื้นที่ 3.1 แสนตารางเมตร ซึ่งมีศักยภาพในการรองรับปริมาณสินค้ามากถึง 380 ล้านชิ้นต่อปี มีจุดกระจายสินค้าทั่วประเทศกว่า 13 จุด เพื่อขนส่งและกระจายสินค้าได้ถึง 1.8 แสนเที่ยวต่อปีจากจำนวนลูกค้าในประเทศ ทั้งในประเภทค้าส่ง 250 ราย และค้าปลีก 3 แสนราย

 

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,820 วันที่ 22 - 24 กันยายน พ.ศ. 2565