WHAUP คว้าดิล Solar Rooftop เมกาบางนา 10 MW

29 พ.ค. 2565 | 19:16 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ค. 2565 | 02:40 น.

WHAUP เปิดเกมรุกโตนอกนิคมฯ เพิ่มพอร์ตพลังงานสะอาด คว้าดีลติดตั้ง Solar Rooftop ศูนย์การค้าเมกาบางนา ขนาด 10 MW จ่อเซ็นสัญญาเพิ่ม 3 โครงการ 15 MW ภายใน Q2/65

บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ประกาศเดินเกมรุกตามแผน เร่งขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนผ่านการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ต่อเนื่อง ล่าสุดคว้าดีลติดตั้ง Solar Rooftop โครงการเมกาบางนา (Megabangna) จำนวน 13 อาคาร พื้นที่หลังคารวม 62,000 ตารางเมตร ขนาดการผลิตไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์ มูลค่า 245 ล้านบาท ของ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP

จ่อเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 3 โครงการ คิดเป็น 15.9 เมกะวัตต์ และ COD อีก 4 โครงการ คิดเป็น 22.5 เมกะวัตต์ภายในไตรมาส 2/2565 มั่นใจหนุนเป้าทั้งยอดทั้งปีมียอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สะสมได้ 150 เมกะวัตต์ตามแผน

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป โดยตั้งเป้ายอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเป็น 150 เมกะวัตต์ จากปีก่อนที่มียอดเซ็นสัญญา 92 เมกะวัตต์

 

ล่าสุด บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด เพื่อดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) โครงการเมกาบางนา จำนวน 13 อาคาร บน พื้นที่หลังคา ทั้งหมด 62,000 ตารางเมตร กำลังผลิตติดตั้งรวม 10 เมกะวัตต์ มูลค่า 245 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำแผนการขับเคลื่อนการขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ โครงการเมกาบางนา ถือเป็นการดำเนินการติดตั้งระบบ Solar Rooftop นอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีการให้บริการในธุรกิจติดตั้งระบบ Solar Rooftop ซึ่งจะรวมไปถึงบริการหลังการขายให้กับลูกค้าเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยมีแผนดำเนินการติดตั้งตั้งแต่ภายในเดือนมิถุนายน 2565 นี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในเดือนเมษายน 2566 พร้อมทยอยรับรู้รายได้เข้ามาทันที

 

และภายในไตรมาส 2/2565 นี้ บริษัทฯ เตรียมเซ็นสัญญาติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) อีกประมาณ 3 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 15.9 เมกะวัตต์ และเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) จำนวน 4 โครงการ ภายใต้กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 22.56 เมกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทฯ มั่นใจว่า เป้ายอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สะสมในปี 2565 มีโอกาสเพิ่มเป็น 150 เมกะวัตต์ ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน