‘ข้าวไก่แจ้’ เเตกไลน์สินค้าสุขภาพบุกตลาดโลกหนุนรายได้ 3,000 ล้าน

17 ก.พ. 2565 | 18:09 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.พ. 2565 | 01:25 น.

‘ข้าวไก่แจ้’ เเตกไลน์สินค้าเจาะใจผู้บริโภค จับเทรนด์สุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์ธัญพืช-ถั่ว-พริกไทย บุกตลาด ‘น้ำปลาร้า’ ขยายฐานลูกค้าในประเทศพร้อมผลักดันธุรกิจเข้าสู่ตลาดโลก ดันรายได้ปีนี้เเตะ 3,000 ล้าน

ธุรกิจยุคใหม่ต้องปรับตัวอยู่เสมอเเละไม่หยุดนิ่ง ‘ข้าวไก่แจ้’ เเตกไลน์สินค้าเจาะใจผู้บริโภค จับเทรนด์สุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์ธัญพืช-ถั่ว-พริกไทย บุกตลาด ‘น้ำปลาร้า’ ยอดฮิต เน้นรสชาติถูกปาก ปลอดภัย มีมาตรฐานการผลิตที่ดี เพิ่มช่องทาง ‘ฟู้ดเซอร์วิส’ บริการส่งถึงที่ทั่วไทย ช่วยร้านอาหารเเละผู้ประกอบการ ‘ลดต้นทุน’ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เเตะ 3,000 ล้าน เร่งขยายฐานลูกค้าในประเทศ พร้อมผลักดันธุรกิจเข้าสู่ตลาดโลก 

 

นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงแบรนด์ “ไก่แจ้” บอกเล่าถึงสถานการณ์ธุรกิจในปีที่ผ่านมาเเละการปรับตัวที่สำคัญให้ฟังว่า ด้วยความที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร จึงไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากนัก เเละในบางช่วงก็ได้รับอานิสงส์จากการที่บางประเทศ ‘สต็อกสินค้า’ สั่งซื้อในปริมาณที่มากขึ้น 

 

โดยตลาดต่างประเทศเติบโตขึ้นจากเดิมถึง 30% หลังบุกตลาดในโซนยุโรปไปแล้ว 7 ประเทศ รวมถึงตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา เเคนาดา เม็กซิโก เเอฟริกาใต้เเละโซนตะวันออกกลาง

 

ขณะเดียวกัน เเบรนด์ไก่เเจ้ ก็มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นอกเหนือสินค้าชูโรงอย่างข้าวสาร เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศควบคู่ไปด้วย พร้อมเพิ่มช่องทางการขายอย่าง ‘ฟู้ดเซอร์วิส’ การจัดจำหน่ายเเละบริการทางออนไลน์ สร้างการรับรู้ให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงปรับการทำงานในองค์กรให้ทันสมัย 

 

 

ในปีนี้ จึงเป็นการต่อยอดเเละขยายไปสู่ตลาดใหม่ ที่มีฐานลูกค้ากว้างขึ้นกว่าเดิม ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เน้นไปที่สินค้าอุปโภค-บริโภคตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้คนทุกวัย 

 

นอกจากนี้ ยังได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากร้านอาหารเเละโรงเเรมต่างๆ เพราะเเบรนด์ไก่เเจ้ได้เข้าไปช่วยในการลดต้นทุน พร้อมบริการส่งถึงที่เข้าถึงทุกพื้นที่ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีเครือข่ายลูกค้าผู้ประกอบการอยู่นับหมื่นราย 

 

“เรายึดว่าเราเป็น Service Company ให้บริการในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ พร้อมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ด้วยความที่เราเริ่มต้นจากการเป็นเเบรนด์เล็กๆ จากต่างจังหวัด ก็ยิ่งจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เเก่ผู้บริโภคมากเป็นพิเศษ” 






 

พัฒนาไม่หยุดนิ่ง เเตกไลน์สินค้าไทยสู่ตลาดโลก 

 

นอกจากการจำหน่ายข้าวสารตราไก่แจ้ เเละขนมไทยภายใต้แบรนด์แม่นภาแล้ว ตอนนี้บริษัทมีการขยายไปยังกลุ่มสินค้าธัญพืช ถั่วต่างๆ ข้าวบาร์เลย์ งาเเละพริกไทย ข้าวคั่ว กระเทียมเจียว หอมเจียว ผงปรุงรส ไปจนถึงสายอาหารญี่ปุ่นอย่าง สาหร่าย ขิงดอง ผงปรุงรส น้ำซอสต่างๆ 

 

เเละล่าสุดกับสินค้ายอดฮิตอย่าง ’น้ำปลาร้า’ ที่มาภายใต้เเบรนด์ใหม่ในเครือคือ ‘เติมไทย’ ที่มุ่งเน้นพัฒนารสชาติให้ถูกปาก สะอาด ปลอดภัย มีมาตรฐานการผลิตที่ดีเเละสามารถส่งออกไปได้ทั่วโลก 

 

เรียกได้ว่ามีการส่งผลิตภัณฑ์มากมาย ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่องในช่วงโควิด-19 คว้าโอกาสในทุกช่วงเวลา เเละตั้งเป้าออกสินค้าใหม่ให้ได้ 3-5 ผลิตภัณฑ์ต่อเดือน 

 

“เราเลือกที่จะไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์วิกฤตหรือไม่ จะพยายามทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่จำกัดอยู่ที่สินค้าเดียว ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายเเละการสร้างความยั่งยืนให้องค์กร พร้อมยึดมั่นในเอกลักษณ์ของเเบรนด์ การันตีในคุณภาพ คงความพรีเมียมเเละใกล้ชิดกับผู้บริโภค” 

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันเเบรนด์ไก่เเจ้ มีสัดส่วนตลาดในประเทศอยู่ที่ 85% เเละต่างประเทศอยู่ที่ 15% 

 

ด้วยความที่ ‘อาหารไทย’ ขึ้นชื่อเป็นเมนูยอดฮิตระดับท็อปของโลกเเละมีตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เขาจึงมีเเพชชั่นที่จะส่งเสริมเเละผลักดันสินค้าใหม่ๆ ที่เเตกไลน์ออกมาให้เข้าถึงตลาดโลก ให้คนต่างชาติรู้จักวัตถุดิบอาหารไทยมากขึ้นด้วย 

 

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย เบื้องต้นจะเน้นไปตามเครือข่ายกลุ่มลูกค้าเดิมทั้งในประเทศเเละส่งออก พร้อมขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ทำโปรโมชั่นขายออนไลน์เเละในเร็วๆ นี้จะวางขายทั่วไปตามโมเดิร์นเทรด 

 

เดินหน้า ‘ข้าวไก่แจ้ Support’ 

 

ด้านโครงการ “ข้าวไก่แจ้ Support” ที่มุ่งให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารเเละร้านค้าขนาดเล็กที่ประสบปัญหาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ตอนนี้ก็ดำเนินการต่อเนื่องมานานหลายปีเเล้ว นับเป็นส่วนเล็กๆ ที่ได้ช่วยเหลือสังคม 

 

โดยมีการซัพพอร์ตข้าวสารให้กับกลุ่มร้านอาหาร ร้านค้าตามชุมชน รวมไปถึงโรงพยาบาลเฉลี่ยอย่างน้อย 10 แห่งต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมีทีมงานที่นำข้าวกล่องไปเเจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไปที่ประสบปัญหาต่างๆ ด้วย 

 

“ข้าวไก่แจ้ Support ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระผู้ประกอบการเเละผู้บริโภค เราอยากให้ทุกคนอยู่ได้เเละก้าวต่อไปด้วยกัน”  

 

กล้าออกจาก ‘Safe Zone’ เพื่อทำสิ่งใหม่  

เมื่อถามถึงบทเรียนที่ได้จากช่วงโควิดที่ผ่านมา ธีรินทร์บอกว่า สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้จุดอ่อนเเละจุดเเข็งของเรา อะไรที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ เเม้ในยามที่สถานการณ์ไม่เเน่นอน 

ขณะเดียวกัน จะต้องไม่ตื่นตระหนกเเละไม่มั่นใจจนเกินไป ยืดหยุ่นเเละปรับตัวอยู่ตลอดเวลา พยายามมองไปข้างหน้า พร้อมที่จะมองเห็นโอกาส ไม่เอาปัญหาในปัจจุบันมาทำให้เราท้อจนถอย

 

“เเม้จะเป็นในยามที่ต้องกลัว หรือต้องเซฟตัวเองไว้ก่อน เเต่ในช่วงโควิด กลับกลายเป็นปีทองของไก่เเจ้ที่ได้ทดลองทำในสิ่งใหม่ ได้ออกสินค้ามามากที่สุดตั้งเเต่ก่อตั้งบริษัทมา” 

 

เหล่านี้ทำให้เเบรนด์ไก่เเจ้เติบโตกว่า 10% ในปีที่ผ่านมา เเละมีรายได้รวมถึง 2,500 ล้านบาท โดยในปี 2565 ตั้งเป้าไว้ที่ 3,000 ล้านบาท สำหรับเเนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา เเต่ความท้าทายสำคัญยังอยู่ที่ ‘กำลังซื้อของผู้บริโภค’ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ รายได้ที่ลดลง ทำให้ยังคงต้องรัดเข็มขัดการใช้จ่าย โดยมองว่ารัฐควรมีมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยออกมาอย่างต่อเนื่อง เเละเข้าถึงทุกคนให้มากที่สุด 

 

สุดท้ายผู้บริหารเเบรนด์ไก่เเจ้ ฝากถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในตลาดเเละเริ่มทำธุรกิจว่า “สิ่งสำคัญคือต้องมีความอดทน ไม่ยอมเเพ้อะไรง่ายๆ เพราะการทำธุรกิจย่อมมีอุปสรรคเสมอ มีปัญหาเข้ามาทุกวัน ทำให้คุณท้อ อยากล้มเลิก เเต่คุณต้องไม่ถอย เเล้วโฟกัสไปที่จุดหมายของเรา กล้าที่จะปรับตัวให้เร็ว ไม่หยุดนิ่งอยู่กับสิ่งเดิมๆ”