3 เมกะเทรนด์ ดัน SCG ปี 2564ทำกำไรทะลุ 4.7หมื่นล.

28 ม.ค. 2565 | 15:41 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ม.ค. 2565 | 22:50 น.

เอสซีจี (SCG) แถลงผลประกอบการ ปี 2564 แข็งแกร่งต่อเนื่อง ท่ามกลางวิกฤตเงินเฟ้อ และโควิด 19 คว้ากำไรทะลุ 4.7 หมื่นล้าน หลังทรานส์ฟอร์มธุรกิจรับ 3 เมกะเทรนด์ตอบโจทย์ตลาดโลก

28 มกราคม 2565 -  เอสซีจี เผยผลประกอบการปี 2564 ธุรกิจแข็งแกร่งต่อเนื่อง ท่ามกลางปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนพลังงาน วัตถุดิบพุ่งสูงต่อเนื่อง และวิกฤตโควิด 19  ด้วยการเร่งทรานส์ฟอร์มทุกธุรกิจรับ 3 เมกะเทรนด์ 

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “งบการเงินรวมก่อนตรวจสอบของเอสซีจี ประจำปี 2564 มีรายได้จากการขาย 530,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากปีก่อน  สาเหตุจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกธุรกิจ ส่วนใหญ่จากราคาและปริมาณขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น 

 

โดยมีกำไรสำหรับปี 47,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 จากปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมิคอลส์ ทั้งนี้ กำไรจากดำเนินงานปกติ (Normalized Profit) เท่ากับ 48,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 จากปีก่อน  โดยเอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) ปี 2564 อยู่ที่ 182,510 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของยอดขายรวม ทั้งนี้ ยังมีสัดส่วนของการพัฒนาสินค้าใหม่ (New Products Development – NPD) คิดเป็นร้อยละ 15 และ Service Solution คิดเป็นร้อยละ 5 ของยอดขายรวม

รายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทยในปี 2564 ทั้งสิ้น  242,886 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 46 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จากปีก่อน  สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีมูลค่า 861,101 ล้านบาท โดยร้อยละ 45 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน

 

ผลการดำเนินงานในปี 2564 แยกตามรายธุรกิจ ดังนี้

  • ธุรกิจเคมิคอลส์ 

ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 238,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 62 จากปีก่อน เนื่องจากราคาและปริมาณขายสินค้าสูงขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลง โดยมีกำไรสำหรับปี 28,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 จากปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 65,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากไตรมาสก่อนและ เพิ่มขึ้นร้อยละ 83 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาและปริมาณขายสินค้าที่สูงขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 4,500 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ประกอบกับมีกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง

3 เมกะเทรนด์ ดัน SCG ปี 2564ทำกำไรทะลุ 4.7หมื่นล.

  • ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 182,529 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับปี 4,262 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 34 จากปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 45,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมียอดการส่งออกสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ นอกภูมิภาคอาเซียนและความต้องการสินค้าผลิตภัณฑ์ก่อสร้างภายในประเทศตามงานปรับปรุงและซ่อมแซมที่เพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,385 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  3,785 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 1,579 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

 

SCGP ในปี 2564 มีรายได้จากการขายเท่ากับ 124,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากปีก่อน มีกำไรสำหรับปี 8,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก การเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย และ สหราชอาณาจักร รวมถึงการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในรูปแบบขยายกำลังการผลิต (Organic Expansion) และการควบรวมกิจการ (Merger and Partnership - M&P) ซึ่ง SCGP มีฐานการผลิตในหลายประเทศและผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้าในหลายอุตสาหกรรม ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอกได้ดี

 

สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2564 SCGP มีรายได้จากการขาย 35,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดของรัฐบาลในอาเซียน ทำให้ประชาชนสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น การเตรียมสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค อาหารแช่แข็ง เพื่อรองรับความต้องการซื้อในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ และการรวม


ผลการดำเนินงานของ Go-Pak ผู้ให้บริการโซลูชันบรรจุภัณฑ์อาหารในสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ, Duy Tan ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปรายใหญ่ในประเทศเวียดนาม, Intan Group ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกในประเทศอินโดนีเซีย และ Deltalab ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูงในประเทศสเปน โดยมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 

3 เมกะเทรนด์ ดัน SCG ปี 2564ทำกำไรทะลุ 4.7หมื่นล.

เจาะกลยุทธ์ 3 เมกะเทรนด์

นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า “แม้ว่าในปี 2564 เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงาน วัตถุดิบสูง ภาวะเงินเฟ้อและโควิด 19 แต่เอสซีจีได้เร่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถรักษาการเติบโตในปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ  โดยปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับ 3 เมกะเทรนด์ ได้แก่ 

 

  • ชู ESG (Environmental, Social and Governance) ในการดำเนินธุรกิจ

เอสซีจีใช้ ESG 4 Plus “มุ่ง Net Zero - Go Green - Lean เหลื่อมล้ำ - ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเป็นธรรม โปร่งใส” เป็นกรอบพัฒนาที่เป็นมาตรฐานการดำเนินธุรกิจระดับโลกสอดคล้องกับเป้าหมายพัฒนาอย่างยั่งยืน SDGs ของสหประชาชาติและ BCG Economy ของภาครัฐ   เอสซีจีเตรียมเงินลงทุนเบื้องต้น 70,000 ล้านบาทภายในปี 2573 เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตและพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำ ให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 (Net  Zero 2050)  

3 เมกะเทรนด์ ดัน SCG ปี 2564ทำกำไรทะลุ 4.7หมื่นล.

โดยในปี 2564 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 1.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ (ทำได้ดีขึ้นร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบกับปี 2563) และเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์รักษ์โลกฉลาก SCG Green Choice จาก
ร้อยละ 33 ในปี 2563 เป็นร้อยละ 41 ในปี 2564  

 

  • ใช้ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้า

รวมถึงช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุน ลดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น เทคโนโลยี Digital Twin ตัวแทนเสมือนที่ช่วยประเมินผลเพื่อปรับรูปแบบการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ CPAC Green Solution ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้บริหารงานก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลใช้บริหารการจัดจำหน่ายซึ่งมีเครือข่ายใหญ่ที่สุด อาทิ ‘Prompt Plus’ แพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างสำหรับร้านค้ารายย่อยกว่า 9,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และ ‘รักเหมา’ แพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างสำหรับเจ้าของโครงการก่อสร้าง ผู้รับเหมาขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมากกว่า 50,000 รายทั่วประเทศไทย 

3 เมกะเทรนด์ ดัน SCG ปี 2564ทำกำไรทะลุ 4.7หมื่นล.

  • การพัฒนาโซลูชันใหม่รับเทรนด์การรักษ์สุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิต 

อาทิ กลุ่มนวัตกรรมพลาสติกเพื่อการแพทย์ เช่น แคปซูลความดันลบสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ถุงซักผ้าละลายน้ำ ลดความเสี่ยงติดเชื้อจากเสื้อผ้าผู้ป่วย Smart Building Solution นวัตกรรมบริหารระบบอาคาร เพื่อปรับคุณภาพอากาศและประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยี IoT นวัตกรรมผนังสมาร์ทบอร์ด Ultra Clean Wall Solution ทำให้ห้องมีความสะอาด ปลอดเชื้อโรค ระบบไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ SCG Bi-Ionization Air Purifier ช่วยลดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสภายในบ้านและอาคาร ระบบหลังคา SCG Solar Roof Solutions ที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากหลังคาบ้าน ช่วยลดค่าไฟ และยังสามารถผลิตไฟฟ้าจากหลังคาโรงจอดรถ เพื่อใช้งานร่วมกับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) ได้อีกด้วย 

3 เมกะเทรนด์ ดัน SCG ปี 2564ทำกำไรทะลุ 4.7หมื่นล.

" ภาคธุรกิจควรเตรียมพร้อมรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากราคาพลังงานและวัตถุดิบ ตามภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่กำลังการซื้อเริ่มฟื้นตัวทำให้สินค้า บริการหลายรายการราคาสูงขึ้นตามกลไกตลาด  จึงต้องเตรียมปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมในแต่ละอุตสาหกรรม พร้อมทั้งสร้างวินัยทางการเงินเพื่อเตรียมรับอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปให้ทันท่วงที และการนำดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจ  ส่วนเอสซีจีได้เตรียมแผนธุรกิจเพื่อรองรับวิกฤตเงินเฟ้อและสร้างการเติบโตระยะยาวในแต่ละธุรกิจให้สอดคล้องกับ 3 เมกะเทรนด์"