นำเข้ามากกว่าส่งออกซัด SME ไทยขาดดุลการค้า 1.2 แสนล้านบาท

13 ธ.ค. 2564 | 17:38 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ธ.ค. 2564 | 00:42 น.

สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยชี้ พิษโควิดซัดเศรษฐไทย ทำ SME ไทยขาดดุลการค้า 1.2 แสนล้านบาท เหตุนำเข้ามากกว่าส่งออก แนะเดินตามโมเดล internal circulation ของจีน ฟื้นความเข้มแข็งภายในประเทศลดการพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากต่างประเทศ สร้างแต้มต่อให้กับSME

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธาน สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย  เปิดเผยผ่าน Go Thailand เปิดเมือง เปิดประเทศ เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน ว่า ในมุมมองของ SME เครื่องยนต์ที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจแม้ว่าจะมีนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ดีแต่อาจยังไม่ได้ผลตามความคาดหวัง ซึ่งในปัจจุบันนี้มีเครื่องยนต์ที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ประเทศจีน ซึ่งได้ทำโมเดลทางเศรษฐกิจใหม่ ที่เรียกว่า “ Dual circulation”  ซึ่งเน้นในเรื่อง I nternal circulation เป็นการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ

 

เพิ่มอุปสงค์และเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนในประเทศผ่าน 3 เรื่องหลักคือ 1 กำลังซื้อ 2 ลงทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และ3 เรื่องของสิ่งแวดล้อมหรือESG โดยลดการพึ่งพาปัจจัยการผลิตของต่างประเทศควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้บริษัทหรืออุตสาหกรรมในประเทศจีนพึ่งพาปัจจัยการผลิตในประเทศให้มากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็รักษาสัดส่วนการส่งออกของประเทศจีนไว้ รวมถึงเรื่องของการเคลื่อนย้ายทุนที่เปิดเสรีมากขึ้นในประเทศจีน

 

แต่ในบริบทของประเทศไทยที่ผ่านมาได้มุ่งเน้นเรื่องของ BCG economy เรื่องของ S-curve industry และ creativity service industry ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีรูปแบบการเติบโตที่โฟกัสในเรื่องของเทคโนโลยีและ creativity เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่ความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน โดยเฉพาะการที่จะส่งเสริมเรื่องของการค้าชายแดนให้มากขึ้น

 

แต่โจทย์สำคัญที่จะเดินหน้าตามนโยบาย BCG economy คือจะเปลี่ยนผ่าน SME ไปสู่ยุค digital ได้อย่างไรในเมื่อ ปัจุบันSME จำนวนมากยังติดอยู่ในยุค 1.0 สังคมเกษตรกรรมหรือ SMEs ที่ยังไม่ได้ใช้เครื่องจักรใชการทำงานยังมีอยู่  ดังนั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิงในการผลักดัน SME ให้ก้าวผ่านยุค1.0 และก้าวสู่ยุคดิจิทัล ได้แก่ องค์ความรู้ หรือทุนมนุษย์ ซึ่งกลไกพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าและการบริการเป็นสิ่งที่ SME ต้องการอย่างยิ่ง

 

 

 ควบคู่ไปกับแหล่งทุน เช่นกองทุนนวัตกรรมกองทุนพัฒนาSME กองทุนฟื้นฟู NPL และDigital Factoring นอกจากนี้ยังต้องมีการปฏิรูประบบราชการกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต้นทุนธุรกิจส่วนเกินเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างแต้มต่อให้กับSME

 

“นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องคิดมาตราการเสริมความเข้มแข็ง และทำให้SME หรือแม้แต่ธุรกิจรายใหญ่สามารถลดการนำเข้าและพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเหมือนโมเดลเศรษฐกิจของจีน ในเรื่องของการทำ internal circulation เพื่อให้เงินหมุนเวียนอยู่ในไลน์ SME หรืในไลน์ธุรกิจขนาดใหญ่มากที่สุด ในขณะเดียวกันฝั่งภาคการส่งออกของไทยก็ต้องเพิ่มขีดความสามารถและลดการนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะปีนี้อาจเป็นปีแรกในรอบหลายปีที่ประเทศไทยจะมีการนำเข้ามากกว่าการส่งออกในขณะที่ SME เองขาดดุลการค้าถึง 1.2 แสนล้าน

 

และสุดท้ายเรื่องที่ต้องทำคือการตลาดโลก ด้วยการพัฒนาแบรนดิ้ง ,พัฒนาการการค้า โอกาสในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นรายเล็กรายใหญ่สามารถเติบโตไปในเวทีโลกได้ นี่คือภาพที่เราต้องการทำให้เกิดและพร้อมที่จะสนับสนุนภาครัฐในการผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่”