เฮ! ศบศ.เคาะเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 เพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ ขยายทัวร์เที่ยวไทย

06 พ.ค. 2565 | 12:46 น.
อัปเดตล่าสุด :07 พ.ค. 2565 | 17:51 น.
5.8 k

ที่ประชุม ศบศ. ไฟเขียวเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 อีก 1 ล้านสิทธิ ขยายเวลาถึงกันยายน 2565 พร้อมขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการทัวร์เที่ยวไทยเป็นสิ้นสุดเดือนกันยายน 2565 เช่นกัน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจโควิด–19 (ศบศ.) เห็นชอบเพิ่มจำนวนสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันอีก 1 ล้านสิทธิ และขยายระยะเวลาดำเนินโครงการเป็นสิ้นสุดเดือนกันยายน 2565

 

รวมทั้งเบิกจ่ายงบประมาณถึงเดือน พฤศจิกายน 2565 โดยใช้วงเงินงบประมาณเดิม ซึ่งยังมีเหลืออยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะพิจารณาวันเปิดให้จองต่อไป โดยจะมีการเสนอให้กับที่ประชุม ครม. พิจารณาเห็นชอบก่อน

 

พร้อมทั้งเห็นชอบขยายระยะเวลาการดเนินโครงการทัวร์เที่ยวไทยเป็นสิ้นสุดเดือนกันยายน 2565 และเบิกจ่ายงบประมาณถึงเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยใช้วงเงินงบประมาณเดิม 

 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการประชุม ศบศ. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบขยายมาตรการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพิ่มจำนวนสิทธิอีก 1 ล้านสิทธิ และขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการทัวร์เที่ยวไทยเป็นสิ้นสุดเดือนกันยายน 2565 

 

รวมถึงโครงการทัวร์เที่ยวไทย ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการเป็นสิ้นสุดเดือนกันยายน 2565 พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณถึงเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยใช้วงเงินงบประมาณเดิม 

 

รวมทั้งขยายระยะเวลาปีท่องเที่ยวไทย 2565 – 2566 (Visit Thailand Year 2022-2023: Amazing New Chapters) และจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้โครงการ Unfolding Bangkok ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 

 

พร้อมกันนี้ยังที่ประชุมเห็นชอบหลักการในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ (Specialised Expo) ในปี พ.ศ. 2571 ณ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นงานมหกรรมระดับโลกภายใต้คณะกรรมการจากองค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau International des Expositions: BIE) โดยประเทศเจ้าภาพจะได้รับประโยชน์ในทุกมิติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ยังเห็นชอบหลักการของ (ร่าง) แผนพัฒนาและฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนฯ ภายใต้วิสัยทัศน์การพัฒนาเพื่อมุ่งสู่การเป็น “เมืองท่องเที่ยวแห่งความสุข ยั่งยืน และแบ่งปัน (Amazing Thailand, Amazing Andaman)” ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สำคัญ 5 ประการ ได้แก่ 

  1. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูง 
  2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความพร้อม มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ 
  3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของชุมชนและธุรกิจรายย่อย 
  4. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของจังหวัดให้หนุนเสริมและเชื่อมโยงกันภายในคลัสเตอร์ 
  5. ยุทธศาสตร์การยกระดับการบริหารจัดการพื้นที่ให้มีคุณภาพและความยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่และการมีส่วนร่วมของพื้นที่ 

 

รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าของ (ร่าง) แผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของจังหวัดภูเก็ตสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก (Wellness Tourism World Class Destination) โดยได้วางเป้าหมายการพัฒนาในการเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสูงที่สุดของโลก ภายในปี 2570 

 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังย้ำให้แต่ละจังหวัดสำรวจสถานที่ท่องเที่ยว จัดทำข้อมูลนักท่องเที่ยวในพื้นที่ว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพื่อประเมินการให้ความช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ ปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว ความปลอดภัย รวมทั้งการรักษาคุณภาพการบริการ ป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบนักท่องเที่ยวและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 

 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความเป็นห่วงโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยแนะให้รักษาธุรกิจให้รอดก่อน อย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา พร้อมสั่งการให้เฝ้าระวังการทุจริตจากโครงการภาครัฐอย่างเข้มงวด ทั้งโครงการคนละครึ่ง ทัวร์เที่ยวไทย หากพบการทุจริตให้ดำเนินการตามกฎหมาย