ไม่เลือกพรรค ไร้นโยบายปราบคอร์รัปชั่น

11 มี.ค. 2566 | 07:45 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ค. 2566 | 21:10 น.

ไม่เลือกพรรค ไร้นโยบายปราบคอร์รัปชั่น บทบรรณาธิการ

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) มูลนิธิเพื่อคนไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจความเห็นประชาชน ต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทย ในการเลือกตั้ง 2566  ส่วนใหญ่มองนโยบายของพรรคการเมือง ควรจะมีความชัดเจนเป็นรูปธรรม วางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศได้อย่างไร รวมทั้งควรมีการตรวจสอบได้ ที่สำคัญนโยบายต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับกับการใช้งบประมาณ 
     
ผลสำรวจอันดับแรกประชาชน ต้องการให้แก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น รองลงมาเป็นการศึกษา และลดความเหลื่อมลํ้าทางเศรษฐกิจและสังคม และในจำนวนนี้มีถึง 67%  มองว่านโยบายการต่อต้านคอร์รัปชั่น มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้ง ที่ควรจะมีมาตรการชัดเจน และกว่า 83.6% จะไม่เลือกพรรคที่ไม่มีนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่น 
    
นโยบายควรจะมีการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะให้ประชาชนเข้าถึงง่าย รวมทั้งรับฟังเสียงประชาชน สร้างการมีส่วนร่วม และสนับสนุนให้องค์กรตรวจสอบ ทำงานได้อิสระ โดยปัญหาคอร์รัปชั่น 3 อันดับแรกที่ส่งผลเสีย และต้องการให้รัฐบาลเร่งจัดการสูงสุด คือ ปัญหาทุจริตในระบบราชการ รองลงมาคือ กระบวนการยุติธรรม และเงินบริจาคแก่ศาสนา 

ประชาชนยังต้องการให้พรรคการเมือง มีบทบาทสำคัญในการไม่ซื้อสิทธิขายเสียง มีนโยบายด้านต่อต้านคอร์รัปชั่นชัดเจน และต้องการให้นักการเมืองปฏิบัติหน้าที่และทำตามที่สัญญากับสาธารณะ ด้วยความซื่อสัตย์ พร้อมทำงานกับประชาชนอย่างแท้จริง ผลสำรวจ 86.2% จะไม่เลือกพรรคการเมืองที่มีใช้เงินซื้อเสียงและผลสำรวจตอกยํ้าลงไปว่าต้องการให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นลำดับแรก ก่อนไปดูแลสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของประชาชน  การเข้าถึงแหล่งเงินทุน เงินกู้  การดูแลค่าครองชีพ และการดูแลราคาพลังงาน 

ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนมองปัญหาคอร์รัปชั่นอยู่ในระดับรุนแรงเกินรับได้ และต้องการให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหาทันที ซึ่งสอดคล้องสถานการณ์คอร์รัปชั่นในประเทศไทย ที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ จัดทำดัชนีคอร์รัปชั่นขึ้น แม้อันดับดีขึ้นในปี 2565 แต่ยังอยู่สูงถึงอันดับ 101 จากการสำรวจ 180 ประเทศทั่วโลก ซึ่งดัชนีนี้สำรวจจากนักลงทุน เพื่อประเมินความน่าสนใจลงทุนของแต่ละประเทศ และถูกคำนวณเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เป็นต้นทุน หรือ ความเสี่ยงในการเข้าประกอบธุรกิจ

ทั้งผลสำรวจขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นและองค์กรความโปร่งใสนานาชาติ ล้วนเป็นสิ่งที่พรรคการเมือง นักการเมือง ที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ต้องตระหนัก สำนึก และให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เหนือปัจจัยอื่น เพื่อปลดล็อกประเทศให้พ้นหลุมดำคอร์รัปชั่น หรือ นำประทศออกจากความเสี่ยงคอร์รัปชั่น ระวังประชาชนจะลงโทษพรรคการเมืองที่มีภาพลักษณ์ส่อไปในทางทุจริต ซึ่งไม่จำเป็นต้องถามหาใบเสร็จอย่างชัดเจน